| 
				  
 
			
			ถาม :  ตอนนี้ปฏิบัติตามสายสติปัฏฐาน  ก็รู้สึกว่ายังโกรธคนอื่นอยู่ตอบ  :  ก็ไม่มีอะไร  ย้อนกลับมาตั้งใจรักษาศีลของเราให้บริสุทธิ์ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุให้คนอื่นทำ  ไม่ยินดีเมื่อคนอื่นทำ  ตั้งใจทำสมาธิไปพร้อมกัน  ถ้าศีลกับสมาธิมันทรงตัวเดี๋ยวปัญญามันเกิด มันจะรู้เองว่าควรจะไปอย่างไร
 
 ถาม :  ก็คือ ถ้าตอนนี้เราจะปฏิบัติแบบใช้สติปัฏฐาน  ๔
 ตอบ :  อะไรก็ได้ ให้ทำให้จริงเท่านั้นแหละ   พระพุทธเจ้าท่านสอนว่าหัวข้อใดหัวข้อหนึ่งก็สามารถเข้าถึงมรรคผลได้  เพียงแต่ทำให้จริงจังแล้วก็ต่อเนื่อง
 
 ถาม :  สติปัฏฐาน  ๔  ทำยาก
 ตอบ :  ถ้าคนไม่มีพื้นฐานการปฏิบัติจะยาก   เพราะว่าพอไปเวทนาในเวทนาเราชักจะเกาะไม่ติด  ถ้าไปจิตในจิต  ธรรมในธรรม  ถ้าสติและปัญญาไม่ดีนี่หามันไม่เจอเลย
 
 ถาม :  ๔  ตัวนี่หรือคะที่มันหาไม่เจอ
 ตอบ  :  เพราะว่ามันจะต้องไปดูอารมณ์ที่เกิดขึ้นกับใจ
 
 ถาม :  แล้วทำอย่างไรดีเล่าคะ  คือ มันอยู่ข้างในแล้วเราออกมาดูมัน
 ตอบ :  ก็บอกแล้วว่าถ้าเราไม่มีพื้นฐานก็ไปทำอย่างอื่น
 
 ถาม : พอมีพื้นฐานบ้าง ก็อยากจะให้ก้าวหน้าในเรื่องนี้
 ตอบ  :  ก็ยึดเอาลมหายใจเข้าออกเป็นหลัก  พอลมหายใจเข้าออกทรงตัวก็มาพิจารณา ให้เห็นสภาพร่างกายมันไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีอะไรเป็นของเรา  มันจะรวบเข้าสามตัวหลังทั้งหมด  คือ กายในกาย เวทนาในเวทนา  จิตในจิต
 
 ถาม :  รวบอย่างไรคะ
 ตอบ :  พิจารณาดูว่าทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นกับเรา มันก็เกิดขึ้น  ตั้งอยู่  ดับไป  ไม่มีอะไรเป็นเรา เป็นของเราอย่างแท้จริง   จนกระทั่งจิตมันยอมรับ ปล่อยวางได้  ทุกอย่างมันก็ครบถ้วนสมบูรณ์
 
 ถาม :  ก็คือ  ถ้ามันยอมรับ แล้วก็วาง
 ตอบ :  มันจะจบ  ถ้าทำมากกว่านั้นเดี๋ยวมันไม่จบ
 
 ถาม :  มีมากกว่านั้นด้วยหรือคะ
 ตอบ :  ก็อย่างที่มาบอกว่าหลงทางนั่นแหละ
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ชินเชาวน์ : 19-11-2009 เมื่อ 17:36
 |