"คราวนี้พอเห็นเรื่องของอิทธิฤทธิ์ เรื่องของพุทธานุภาพ จิตตานุภาพอะไรต่าง ๆ ตั้งแต่เด็ก ก็เห็นว่าเป็นเรื่องปกติ ทำได้ทุกคน ในเมื่อรู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติ ถึงเวลาปฏิบัติก็ไม่ได้รู้สึกว่ายาก แต่อย่างสมัยนี้ของเราสิ่งแวดล้อมไม่ให้ โอกาสที่จะเอื้อให้เราเข้าวัดก็ไม่มี ขณะเดียวกันหลวงปู่หลวงพ่อที่เป็นนักปฏิบัติในเมืองท่านก็ไม่อยู่กัน ส่วนใหญ่ท่านไปอยู่ปฏิบัติในป่า จะไปทำอะไรให้เราเห็นได้ สมัยอาตมาเด็ก ๆ วัดก็คือป่า เพราะว่าส่วนใหญ่ตั้งอยู่ชายป่าท้ายหมู่บ้าน เผลอ ๆ เสือจะลากไปกินเอา แล้วท่านเองก็ยังรู้สึกว่าไม่พอ ไปปฏิบัติในป่าช้าอีก
บางทีผู้ใหญ่เขาบอกว่า "ไอ้หนู..ไปตามหลวงพ่อให้ที น้ามีเรื่องด่วน" น้าไปเองไม่ได้หรือ..?! หลวงพ่อท่านอยู่ในป่าช้า คราวนี้สถานการณ์เอื้ออำนวย แล้วท่านก็ปฏิบัติ บางทีก็หลุด อย่างบางคืนชาวบ้านเห็นไฟลุกท่วมโบสถ์เลย คว้าถังวิ่งไปตักน้ำจะไปดับไฟ หลวงพ่อท่านเปิดโบสถ์มาถามว่า "พวกเอ็งทำอะไรกันวะ ?" บอกว่าเห็นไฟไหม้โบสถ์ ท่านบอกว่า "มึงตาฝาด..!" ท่านเพ่งกสิณแล้วขยายเป็นปฏิภาคนิมิต พวกเราเห็นเป็นไฟลุกท่วมโบสถ์ นั่นคือพระที่ไม่ดังนะ..ลองคิดดูว่าพระที่ดังท่านจะขนาดไหน ?"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-03-2020 เมื่อ 02:13
|