ใบประดู่กำมือเดียว
ถาม : ขอถามเรื่องการฝึกสมาธิ ไปฝึกสมาธิเรื่องเกี่ยวกับเรื่องจักระค่ะ ?
ตอบ : พอมีความรู้อยู่นิดหนึ่งจ้ะ เอ้า..ว่าไปเลยจ้ะ
ถาม : เขาใช้การฝึกจักระโดยการดูดพลังจากธรรมชาติ เวลานั่งสมาธิเขาก็จะนั่งติดกับพื้นดิน แล้วก็นั่งตอนเช้าเพื่อรับแสงอาทิตย์ นั่งริมแม่น้ำเพื่อรับความเย็นจากแม่น้ำ
ตอบ : แล้วนั่งกลางคืนแล้วหรือยัง ? โดยเฉพาะคืนวันเพ็ญ
ถาม : ยังไม่เคยนั่งเจ้าค่ะ
ตอบ : ระวังไว้ จะหอนได้จ้ะ ...(หัวเราะ)... เรื่องนั่งกลางคืนนั้นทำได้ จะได้รับพลังจากดวงจันทร์ด้วย เรื่องหอนพูดเล่นนะจ๊ะ แล้วต่อไปว่าอย่างไร ?
ถาม : พลังพวกนี้เราสามารถเอามาใช้ได้จริงไหมคะ ?
ตอบ : สามารถใช้ได้จ้ะ แต่ว่าจริง ๆ แล้ว พลังงานทั้งหมดที่มาจากภายนอก ไม่มีอะไรสู้พลังจิตที่เกิดจากการฝึกฝนที่ดีแล้วได้ วิชาการเหล่านี้ไม่ใช่พระพุทธเจ้าไม่ทราบ พระองค์ท่านทราบดียิ่งกว่าอะไรทั้งหมด แต่ว่า เป็นวิชาที่ขวางกับมรรคผล พระองค์ท่านจึงตัดออกไป
ดังเช่นในสีสปาสูตรบอกเอาไว้ชัดเจนว่า วันหนึ่งพระพุทธองค์เสด็จออกมาจากป่าประดู่ลาย พร้อมกับทรงถือใบประดู่มาหนึ่งกำมือ ยกให้ภิกษุทั้งหลายดู แล้วตรัสว่า ภิกขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย..ใบประดู่ในกำมือตถาคตนี้กับใบประดู่ในป่า อย่างไหนมีมากกว่ากัน ?...พระภิกษุทูลตอบว่า ใบประดู่ในป่ามีมากกว่าจนประมาณไม่ได้พระพุทธเจ้าข้า พระพุทธเจ้าตรัสว่า นั่นแหละ..สิ่งที่ตถาคตรู้ คือใบประดู่ในป่า แต่สิ่งที่ตถาคตสอนพวกเธอคือใบประดู่กำมือเดียว
ท่านเลือกเอาใบประดู่กำมือเดียวที่เกี่ยวข้องกับประโยชน์สุขในปัจจุบันและประโยชน์สุขในอนาคต โดยเฉพาะประโยชน์สูงสุดคือ การหลุดพ้นเข้าสู่พระนิพพานมาสอนเราเท่านั้น กำมือเดียวนี่แปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ ยังไม่ทราบเหมือนกันว่าทั้งป่านี่จะเท่าไร ?
ดังนั้น..วิชาการเหล่านี้ พระพุทธเจ้าทรงทราบอยู่แล้ว แต่พระองค์ท่านเห็นแล้วว่ายากที่จะทำให้บรรลุได้ กลายเป็นวิชาที่ขวางกับการปฏิบัติสายตรง พระองค์ท่านจึงไม่สอน แต่ว่าคนปัจจุบันนี่เขาเก่ง พยายามที่จะสอนกัน เราเองเก่งได้อย่างเขาบ้างก็ดีเหมือนกัน จัดเป็นความรู้พิเศษเพิ่มขึ้นมา
แต่ให้จำไว้ว่า ถ้าเรามุ่งมรรคผลโดยตรง ก็ทำให้เราเสียเวลา พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ปรารถนาธรรมที่ไม่เนิ่นช้า อะไรที่ทำให้ช้าพระองค์ท่านไม่เอาด้วย
ถาม : ผู้ที่เล่นกสิณ หรือเล่นทางอิทธิฤทธิ์ ก็ลักษณะเดียวกัน ?
ตอบ : ลักษณะเดียวกัน แต่อย่าลืมว่าพระพุทธเจ้าทรงต่อท้ายไว้ด้วย พระองค์ท่านมีวิปัสสนาญาณต่อท้าย แต่พวกที่เล่นในสมัยก่อนอย่างพวกพราหมณ์นี่ เขาเอาฤทธิ์เดชโดยตรงอย่างเดียว ไม่มีการเลี้ยวเข้าหามรรคผลเลย ดังนั้น..สิ่งไหนที่สามารถเลี้ยวเข้าหามรรคผลง่าย ๆ กำลังสูงพอที่จะกดกิเลสหรือตัดกิเลสได้ พระพุทธเจ้าถึงได้สอน ถ้าไม่สามารถที่จะทำได้ พระองค์ท่านก็ปล่อยให้เป็นใบประดู่ในป่าต่อไป
สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๔
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-04-2014 เมื่อ 01:37
เหตุผล: แก้คำผิด กสิน - กสิณ
|