"ตรงช่วงที่เป็นรอยต่อระหว่างภูเขาซึ่งก็คือเหวนั้นจะเป็นสะพาน บางแห่งนี่เสาสูง ๔๐-๕๐ เมตร มองลงไปแล้วใจหาย ซ้ำยังมีบางแห่งเป็นสะพานใหญ่เหมือนสะพานโกลเด้นเกตของสหรัฐอเมริกา น่าเสียดายที่อยู่ในภูเขา ถ้าอยู่ในเมืองใหญ่ ๆ นี่คงจะเป็นแลนด์มาร์คได้เลย คราวนี้ด้วยความเมตตาของเจ้าที่ เนื่องจากว่ามีแต่มุดอุโมงค์ ออกมาแล้วก็มุดเข้าไปใหม่ ไม่มีอะไรให้ดู ไม่มีอะไรให้จอด แม้กระทั่งส้วมระหว่างทางก็ไม่มี ท่านก็เลยให้ฝนตก ถ้าตกวันอื่นนี่เราเที่ยวไม่ได้ มาตกวันนี้มีปัญญาก็ตกไปเถอะ..!
ออกจากคังติ่งมาไม่นานก็ฝนตก ตกไปถึงเมืองเทียนฉวน จากเมืองเทียนฉวนตกไปจนถึงเมืองหย่าอัน พวกเราไปพักฉันเพลที่หย่าอันกัน ก็ต้องเดินเปียกกันครึ่งตัว ที่เดินเปียกครึ่งตัวเพราะว่าเขากางร่มมารับ เขาก็กางให้ตัวเองครึ่งหนึ่ง กางให้พวกเราครึ่งหนึ่ง เปียกกันคนละซีก แล้วจะกางทำไมวะ ? กางแล้วเปียกคนละซีก ...(หัวเราะ)... ที่เมืองหย่าอันเขาเลี้ยงเพลเรา ต้องบอกว่ากับข้าวมากกว่าที่คิด พวกเราเห็นมา ๔ อย่าง มีน้ำแกงด้วย ก็นึกว่าหมดแล้ว ปรากฏว่ากินไป ๆ อย่างที่ ๕ - ๖ - ๗ - ๘ ตามมา ดันไม่ได้เผื่อกระเพาะเอาไว้ ...(หัวเราะ)... ก็เลยกลายเป็นมื้อที่กับข้าวเหลือเยอะมาก"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-12-2019 เมื่อ 11:21
|