ถาม : (สอบถามเกี่ยวกับดวงตาเห็นธรรม)
ตอบ : เอาเป็นว่า...คำว่า ดวงตาเห็นธรรม ก็คือปัญญา ถ้าปัญญาเราพอ ถึงจะเข้าใจว่าที่ท่านพูดนั้นเพื่ออะไร คราวนี้ในพระไตรปิฎกนั้น มหาสติปัฏฐานสูตรอย่างหนึ่ง พระอภิธรรมอย่างหนึ่ง พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนคนทั่วไป ท่านสอนเป็นการเฉพาะ พระอภิธรรม ๗ บทท่านสอนพรหมเทวดา ไม่ได้สอนคน ถ้าเราไม่ฉลาดเท่าพรหมเทวดา เราฟังไปก็ไม่รู้เรื่อง
ส่วนมหาสติปัฏฐานสูตรท่านสอนชาวกุรุ ชาวกุรุฉลาดมาก ขนาดนกแขกเต้าที่เลี้ยงเอาไว้ยังเจริญอสุภกรรมฐานอยู่ประจำ แล้วคนจะขนาดไหน ? เพราะฉะนั้น..ถ้าเราไม่ได้สั่งสมอบรมมามากขนาดนั้น เราก็จะไม่เข้าใจ
ดังนั้น..เราอ่านแล้วเราชอบใจบทไหนคิดว่าเหมาะกับเรา ทำบทนั้นบทเดียว เพราะว่าเราไม่ได้อ่านจนครบ ตอนท้ายของทุกบรรพหรือทุกตอนที่พระพุทธเจ้าท่านสรุปไว้ว่า “นะ จะ กิญจิ โลเก อุปาทิยะติ” เราจะไม่ยึดอะไร ๆ ในโลกนี้แม้แต่น้อยหนึ่ง ถ้าทำได้อย่างนี้บรรลุธรรมหมดทุกคนแล้ว เพราะฉะนั้น..ไม่ต้องเสียเวลาไปทำเยอะ อีกอย่างก็คือท่านไม่ได้สอนคนทั่วไป แล้วเราก็คงฉลาดไม่เท่าคนแคว้นกุรุเขา
พระพุทธเจ้าท่านสอนคนตามกำลังใจ ถึงต้องแสดงธรรมไว้ถึง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ถ้าสอนอย่างเดียวเป็นยาครอบจักรวาลใช้ได้หมดทุกคน พระองค์ท่านก็คงไม่ต้องเหนื่อยยากเทศน์ไว้มากขนาดนั้น เพราะฉะนั้น..เราควรจะดูว่าอะไรที่เหมาะกับเราแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาทำไป ไม่ใช่ว่ายากก็จะตะกายไปทำ
ท่านที่สั่งสมบุญบารมีมาในอดีตชาติ มีปุพเพกตปุญญตาที่สั่งสมไว้มาก ท่านก็จะเห็นว่าง่าย หรือไม่ก็ท่านที่ปฏิบัติจนเข้าถึงธรรมระดับหนึ่งแล้ว ก็เหมือนกับคนเรียนจบปริญญาสาขาหนึ่ง สาขาอื่นก็ใกล้เคียงกันนั่นแหละ ไม่ได้ไกลกว่ากันเท่าไรหรอก โดยเฉพาะถ้าวิชาสามัญก็วิชาเดียวกันเลย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-10-2019 เมื่อ 03:42
|