พระอาจารย์กล่าวว่า “บรรพบุรุษของเราเลือกกรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวงเพราะว่าฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล เนื่องจากสมัยก่อนต้องทำนา คราวนี้พวกเราเลิกทำนามาปลูกตึก ฝนก็ยังคงตกตามฤดูกาล ในเมื่อระบายไม่ทันก็มีปัญหา ต้องบอกว่าโบราณเขาเก่ง...เลือกสถานที่ได้ถูกต้อง แต่ลูกหลานเหลนอย่างพวกเราเอาไปใช้ผิดประเภท แทนที่จะทำไร่ทำนา เราก็ไปปลูกตึก
สมัยก่อนขุดคลองเอาไว้มากเพื่อจะได้ช่วยระบายน้ำ เราก็ไปถมคลองทำถนน สารพันปัญหาก็เลยตามมา แล้วบ้านเราจะทำอะไรก็ขาดการศึกษาอย่างถ่องแท้ ทำอุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำก็เลยกลายเป็นสิ้นเปลืองงบประมาณเสียเปล่า ๆ แทบจะไม่ได้ช่วยอะไรในการระบายน้ำเลย อุโมงค์จะระบายน้ำได้ก็ต่อเมื่อท่อย่อยไม่ตัน
คราวนี้ท่อย่อยตัน ไม่มีการเตรียมการตั้งแต่หน้าแล้ง ต่อให้เตรียมการ บ้านเราก็ยังมักง่าย ทิ้งขยะไม่เป็นที่เป็นทาง พอทิ้งขยะส่งเดช ถึงเวลาก็ลงท่อ รวมกันมาก ๆ ก็ท่อตัน วันดีคืนดีหลุดลงคลองไปได้ คนก็ตกใจว่าขยะมาจากไหนมากมาย มาจากความมักง่ายของพวกเรานั่นแหละ
ที่วัดท่าขนุนเคยมีเด็กตัวเล็ก ๆ น่าจะประมาณ ๓-๔ ขวบ กำมือเดินตามแม่ไปเรื่อย จนกระทั่งเจอถังขยะถึงได้ทิ้ง นั่นพ่อแม่เขาสอนมาดีมาก ว่าต้องทิ้งขยะเป็นที่เป็นทาง ผู้ใหญ่เห็นแล้วอายเขา โดยเฉพาะที่วัดท่าขนุนเป็นถังขยะแยกประเภท ผู้ใหญ่ยังทิ้งไม่ค่อยจะถูกถังเลย”
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-08-2019 เมื่อ 01:41
|