"ในเมื่อขอไป พระเจ้าพิมพิสารก็หาอาสาสมัคร ธนัญชัยเศรษฐีที่ถือว่าหนุ่มกว่าเพื่อนก็อาสาสมัครไป ขนทรัพย์สมบัติ ขนข้าทาสบริวารไป ไปถึงบริเวณที่เป็นที่ตั้งเมืองสาเกต เห็นว่าเนื้อที่กว้างขวางใหญ่โตเพียงพอ ก็เลยส่งทูตก็คือตัวแทน เข้าไปหาพระเจ้าปเสนทิโกศล บอกว่าขออนุญาตสร้างเมืองตรงนี้ เพราะว่าถ้าเข้าไปในสาวัตถีจะทำให้เขาเดือดร้อนกันมาก เนื่องจากว่าเฉพาะบริวารที่ท่านพาไปก็สองแสนคนเข้าไปแล้ว..!
เศรษฐีสมัยก่อนส่งกองเกวียนไปค้าต่างเมือง ไปทีหนึ่ง ๓๐๐ เล่ม ๕๐๐ เล่ม เราลองนึกดูว่า ถ้าคนดูแลวัว ๑ คน คนดูแลสินค้า ๑ คน ถ้ากองเกวียนมีแค่นี้ ๕๐๐ เล่มก็ ๑,๐๐๐ คนแล้ว แล้วไหนจะต้องมีกองกำลังส่วนตัวไปป้องกันสินค้าอีก ไม่อย่างนั้นอาจจะโดนโจรปล้น โดนอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ฉะนั้น...เศรษฐีสมัยก่อนจึงเหมือนอย่างกับมีกองทัพส่วนตัว
พระเจ้าปเสนทิโกศลเห็นด้วย ก็เลยยกที่ตรงนั้นให้ บอกให้ตั้งเมืองได้ตามสบายเลย ธนัญชัยเศรษฐีจึงตั้งเมืองขึ้นมาชื่อว่าเมืองสาเกตอยู่ที่ตรงนั้น นางวิสาขามหาอุบาสิกาสร้างบุพพารามที่เมืองสาเกต นิมนต์พระพุทธเจ้าไปอยู่ประจำ พระพุทธเจ้าประจำอยู่สาวัตถีแล้ว ถ้าหากว่าบิณฑบาต ชาวบ้านก็จะสังเกต ออกประตูทิศเหนือหรือทิศตะวันออก
ถ้าออกประตูทิศเหนือก็ไปวัดเชตวัน ถ้าออกทางทิศตะวันออกก็จะเป็นวัดบุพพาราม ชาวบ้านเขาจะไปฟังธรรมกัน เพราะว่าเดินถึงกันง่าย ๆ"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-08-2019 เมื่อ 20:20
|