“ทีนี้พอไปขึ้น “นักขัตตะยักขะภูตานัง” ท่านบอกว่าบ้านหายทั้งหลังเหมือนกัน แต่นี่ไม่ใช่ต้นไม้ใหญ่ ไปอยู่บนกอไผ่ ลงไม่ได้เพราะว่าเป็นไผ่หนาม..! ต้องตะโกนเรียกชาวบ้านกันเสียงแหบเสียงแห้ง ชาวบ้านก็เลี้ยงควายอยู่ในทุ่งไกลลิบโน่น จนกระทั่งชาวบ้านเขาได้ยิน มาดูใกล้ ๆ เห็นเข้า ก็เอามีดเหน็บฟันเข้าไป กว่าจะเข้าไปถึงโคนไผ่ กว่าจะเลาะให้ท่านลงมาได้ก็ล่อไปครึ่งค่อนวัน..!
จำกันไปจนวันตายเลยว่า อย่าไปสวดพวกบทวิปัสสิสฯ นักขัตตะฯ เพราะว่าผีเขากลัว พระอาจารย์สำราญ วัดเขาวงพระจันทร์ ท่านสวดวิปัสสิสฯ ไปไล่ผี ท้ายสุดขุนด่านทนไม่ได้ เล่นเสียน่วมคากุฏิเลย ไล่ได้แต่ผีเล็ก ๆ ระดับอินทกะอย่างขุนด่านนี่ไล่ไม่ได้ โดนเข้าไปเต็ม ๆ..!
เพราะฉะนั้น..ที่ผีจ้างหนังที่ไปดูที่คำชะโนดนั่น ไม่ใช่เรื่องแปลก ผีก็อยากดูเหมือนกัน ตอนที่ผิดปกติก็คือว่า หนังสนุกแค่ไหน คนดูก็นั่งเงียบ..ดูอย่างเดียว แล้วตอนจ่ายค่าหนังให้ เป็นเหรียญบาทล้วน ๆ ไอ้เหรียญที่เขายัดปากเมื่อก่อนเผานั่นแหละ เขาไปรวบรวมกันมาจ่ายเป็นค่าดู”
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2019 เมื่อ 03:35
|