คราวนี้อยู่ ๆ ก็เกิดความคิดขึ้นมาว่า แล้วคนที่เขาอยู่ต่อ  เขาทำอะไรกันบ้าง ? ก็เลยตั้งใจอยู่ต่อด้วย คราวนี้ถวายสังฆทานแล้วไม่กลับ  ก็นั่งอยู่ข้าง ๆ  ระหว่างนั้นก็มีญาติโยมถวายสังฆทานไปเรื่อย  คนนั้นถาม คนนี้ถาม ฟังหลวงพ่อตอบแล้วก็สนุกดี ก็นั่งฟังไปเรื่อย  พอเวลาเพลหลวงพ่อก็จะขึ้นไปฉันเพลอาตมาจึงกลับ ก็ลักษณะนั้นอีก  อยู่จนเพลแล้วกลับ เป็นระยะเวลานานทีเดียว 
 
 ในที่สุดก็เกิดสงสัยขึ้นมาอีกว่า แล้วคนที่เขาอยู่ตอนบ่ายเขาทำอะไรกัน  ? ก็เลยอยู่ต่ออีก  พอถึงเวลาเพล ตอนนั้นไม่ได้ไปคลุกคลีตีโมงที่ไหน  ไม่ได้ไปกินข้าวข้างในกับเขา  เดินไปหาข้าวกินด้านนอก  แถว ๆ โรงงานนิวยอร์กเคมีเกิล เดินเลยมาหน่อยจะมีร้านข้าวแกงอยู่  ก็มานั่งกินข้าวตรงนั้น  กินเสร็จแล้วก็กลับเข้าไปที่บ้านสายลมต่อ    
 
พอใกล้บ่ายโมง ประมาณเที่ยงครึ่งกว่า ๆ หลวงพ่อก็ลงมาฝึกกรรมฐาน ก็เลยรู้ว่า อ๋อ ที่แท้เขาฝึกกรรมฐานกันช่วงนี้ ก็คิดว่าทำไมไม่เหมือนสมัยก่อน  ตอนที่อาตมาฝึกใหม่ ๆ ท่านให้ฝึกวันอังคาร แต่ว่าตอนนี้ท่านฝึกวันเสาร์-อาทิตย์ ก็เลยเข้าไปซ้อมกรรมฐาน ถึงเวลาก็เข้าไปฝึก..ฝึกแล้วฝึกอีก...ฝึกแล้วฝึกอีก ท้ายสุดก็โดนไล่   ที่โดนไล่เพราะพาเขาเสียหมด  ตอนนั้นไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวเองซ้อมมโนมยิทธิจนคล่องตัวแล้ว  รู้อยู่อย่างเดียวว่า พอครูฝึกเขาจะถามอะไร อาตมาจะรู้ก่อนเลยว่าเขาจะถามประโยคนี้  แล้วก็ตอบเลย ที่พาเขาเสียเพราะว่าเพื่อนทั้งวงเขาไม่รู้ ครูฝึกเขาแค่อ้าปาก อาตมาก็ตอบแล้ว เขาก็แย่สิ   
 
ตอนนั้นไม่รู้จริง ๆ นะว่าเรารู้ว่าครูฝึกจะทำอะไร คิดอยู่อย่างเดียวว่า เขาถามแต่ของเดิม ๆ คิดอย่างนั้นจริง ๆ  พอไปทำอย่างนั้นเข้า  คนอื่น ๆ เขาเสียหมด  เพราะว่าเขาตามไม่ได้ ครูฝึกก็ไล่เอา  เขาบอกว่า “คล่องตัวจนขนาดนี้แล้วยังจะมาฝึกอีก จะมาลองดีกันหรืออย่างไร ?” ตอนนั้นเข้าใจจริง ๆ ว่า ต้องตาเห็นถึงจะใช้ได้ ไม่ได้นึกหรอกว่า ที่ครูฝึกว่าอะไรแล้วอาตมารู้หมดทุกอย่างนั่นคือมโนมยิทธิ  นั่นคือทิพจักขุญาณ คิดอยู่อย่างเดียวว่าฝึกซ้ำฝึกซาก ซ้ำอยู่ทุกงาน อย่างไรเดี๋ยวเขาก็ต้องพูดเหมือนเดิมนั่นแหละ 
 
พอโดนไล่อาตมา ก็เดินหน้าเหี่ยวออกมาข้างนอก หลวงพ่อเห็นท่านก็หัวเราะ “เออ..ไอ้หนู ถ้าคล่องตัวแล้วก็สอนคนอื่นเขาบ้างสิลูก”  นี่ตูคล่องแล้วหรือวะ ? ไม่รู้จริง ๆ แต่ว่าพอหลังกรรมฐานออกมากราบหลวงพ่อแล้วก็ลากลับ  ก็เป็นอย่างนั้นอยู่อีกพักใหญ่   
 
ท้ายสุดก็สงสัยต่ออีกว่า   ตอนเย็นเขามีอะไรกันหรือเปล่า ? อาตมาก็เลยอยู่ต่อจนเย็น  แรก ๆ หลวงพ่อท่านอยู่ถึง ๕  โมงเย็นแล้วท่านก็ขึ้นพัก  มาหลัง ๆ นี่อยู่แค่ ๔ โมงเย็น สุขภาพท่านไม่ไหว พอท่านขึ้นพักอาตมาก็กลับ จนกระทั่งท้ายสุดก็มาสงสัยอีกว่า  แล้วตอนกลางคืนเขาทำอะไรกันหรือเปล่า ? ก็อยู่ต่อกลางคืนอีก จึงรู้ว่าทุ่มครึ่งเขาเจริญกรรมฐานกัน
		 
		
		
		
		
		
		
			
				__________________ 
				........................ 
 
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง 
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
			 
		
		
		
		
		
			
				  
				
					
						แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-12-2013 เมื่อ 11:27
					
					
				
			
		
		
		
	
	 |