พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนฟ้าผ่าใกล้ ๆ วัดท่ามะขาม เครื่องเสียงพัง เวลาฟ้าผ่า คลื่นไฟฟ้าที่กระจายไปในอากาศมีเป็นแสนโวลท์ แล้วก็แทรกเข้าไปในสายไฟได้ เครื่องเสียงก็เลยพัง ซ่อมกันเกือบตาย เสร็จก่อนเริ่มงานหน่อยเดียว เพราะว่าเขาสวดอภิธรรมตอนทุ่มครึ่ง แล้วฟ้าผ่าประมาณหกโมงเย็น
ต้องบอกว่าโชคดีที่วัดท่ามะขามเขามีพระมีเณรที่มีความรู้เรื่องเครื่องเสียง โดยเฉพาะสามเณร ถึงเวลาพระท่านจะไปเทศน์มหาชาติ ท่านก็ขอตัวสามเณรไปด้วย ก็ถามว่าทำไมวะ ? วัดกำลังมีงานยุ่งตายชัก แทนที่จะให้เณรอยู่ช่วยงานทางนี้ ? เขาบอกว่าสามเณรรู้จังหวะว่า เทศน์จังหวะไหนควรเปิดเสียงดัง เทศน์จังหวะไหนควรเปิดเสียงเบา
ก็เลยบอกว่า ถ้าอย่างนั้นต่อไปคุณสู้เณรไม่ได้หรอก เพราะว่าเณรจำเทศน์ได้ขนาดนั้น แปลว่าเขาเทศน์เองได้แล้ว เพราะส่วนใหญ่บรรดาเทศน์มหาชาติก็จะมีเนื้อหาจำกัด ในเมื่อเนื้อหามีจำกัด ถึงเวลาถ่ายทอดต่อ ๆ กันมาก็บทเดียวกันนั่นเอง ก็เลยขึ้นอยู่กับเสียงคนเทศน์ คราวนี้สามเณรรู้ขนาดนั้น รู้ว่าจังหวะไหนควรเปิดเสียงอย่างไร ต่อไปคุณเสร็จแน่
พวกเราเคยฟังเทศน์มหาชาติไหม ? อาตมาเคยฟังพวกระดับเซียน เขาใช้ปากทำเสียงดนตรีได้ทุกอย่างเลย สมมติว่าเขาเป็นดนตรีบรรเลงอยู่ในวัง ตอนพระเจ้าสญชัยเสด็จ ใช้ปากทำทั้งนั้นเลย ฟังดูน่าทึ่งมาก ว่าเขาเก่งขนาดนั้น"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-06-2019 เมื่อ 19:27
|