"คราวนี้พอจัดพิธีให้เขาเห็น เขาก็..เออ...สมเกียรติ สมฐานะ แล้วก็คนมางานศพเยอะแยะมากมายขนาดนั้น ญาติโยมเขาก็รับได้ ไม่อย่างนั้นก็คงจะได้บ่นกัน เพราะว่าคนแก่อย่างลุงอ่อน อย่างแม่ทองร่วม อย่างแม่ทองเหมาะ แต่ละคนอายุเกิน ๘๐ ปีทั้งนั้น ต้องเดินทางไกลมาเผาหลานตัวเอง
สิ่งที่โยมแม่ทองร่วม กลีบทอง เขาทำ ต้องบอกว่าเป็นลักษณะของคนที่เริ่มเห็นธรรมดาในชีวิตแล้ว แต่ถ้าจะเอาระดับนางมัลลิกาภรรยาของพันธุลเสนาบดี อันนั้นต้องบอกว่าเข้าถึงธรรมจริง ๆ จัดงานบุญทำบุญเลี้ยงพระ คนใช้มาสะกิดกระซิบบอกข่าวว่า สามีกับลูกชายออกไปปราบโจรที่ชายแดน โดนฆ่าตายหมดทั้งบ้านเลย
นางมัลลิกาก็ทำบุญใส่บาตร ฟังพระสวดตามปกติ ประเคนภัตตาหารรอพระฉันเสร็จ กรวดน้ำรับพรเรียบร้อย พระท่านก็สงสัย เมื่อครู่นี้คนใช้เข้ามากลางคัน น่าจะมีเรื่องสำคัญ อุบาสิกาพอจะบอกพระได้ไหม ? เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้ เพราะว่าตอนนี้สามีกับลูก ๆ ก็ไม่มีใครอยู่ ท่านก็บอก อ๋อ...ไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะ เขามาบอกว่าสามีกับลูกที่ไปปราบโจรที่ชายแดน โดนโจรฆ่าตายหมดแล้ว
สรุปว่าพระตกใจ กลัวโยมจะเสียใจ แต่โยมเห็นธรรมดาในชีวิต ไม่รู้สึกรู้สา ในความรู้สึกก็คือต่างคนต่างมา ต่างคนต่างไป ถึงเวลาก็ต่างคนต่างตาย ไม่ได้ตายด้วยกัน จีนเขามีภาษิตอยู่บทหนึ่งว่า สามีภรรยาเหมือนนกร่วมพนา ก็คือผัวเมียเหมือนนกป่าเดียวกัน พอเภทภัยกรายมาแยกย้ายบินจาก พอมีภัยมาก็ดี เจ็บไข้ได้ป่วยก็ดี ถึงเวลาก็ต่างคนต่างจากไป"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2019 เมื่อ 15:23
|