ถาม :  มีคนมาถามผมว่า ฝึกมโนมยิทธิไปทำไม ผมตอบไม่ถูก ควรตอบเขาว่าอย่างไร ? 
ตอบ : ก็บอกว่ากูอยากเก่ง  ง่ายจะตาย  ตอบให้ตรงกิเลสมันสิ บอกว่า ถ้ามึงฝึกได้ก็เก่งเหมือนกู เอากิเลสเราเข้าว่าเลย ตอบเต็ม ๆ เลย ไม่ต้องเกรงใจมัน 
 
ถาม :  เกิดมีคนฝึกแล้วเขาถามว่าขึ้นไปบนพระนิพพานแล้วอย่างไรต่อ ? 
ตอบ : ถามว่าถ้าเอ็งเดินสุดทางแล้วจะไปไหนต่อ ?  ถามมันบ้าง อย่าให้มันถามเราฝ่ายเดียว พระพุทธเจ้าท่านสอนวิธีตอบมาหลายอย่างด้วยกัน มีปฏิปุจฉาพยากรณ์ ตอบด้วยการย้อนถาม  ในเมื่อเขาถามว่าไปถึงนิพพานแล้วจะทำอะไร  ก็ถามคืนไปว่า ก็ถ้าเอ็งเดินสุดทางแล้วเอ็งจะทำอะไร ? 
 
การตอบปัญหาของพระพุทธเจ้าท่านใช้คำว่าปัญหาพยากรณ์ ก็จะมี เอกังสพยากรณ์ ถามมาตอบตรง ๆ เลย วิภัชชพยากรณ์ แยกแยะปัญหาเป็นส่วน ๆ แล้วตอบทีละส่วนจนครบถ้วน  ปฏิปุจฉาพยากรณ์ ตอบด้วยการย้อนถาม และท้ายสุดเป็นฐาปนียพยากรณ์ ก็คือไม่มีประโยชน์ที่จะตอบก็นิ่งเสีย 
 
ถาม :  ฝึกมโนฯ คนชอบถามว่าเห็นไหม ตอบอย่างไรดีคะ ? 
ตอบ :  บอกว่าไม่เห็น แต่รู้เหมือนกับเห็น 
 
วันก่อนได้กล่าวไว้ ๒ เรื่องด้วยกัน เรื่องหนึ่งก็คือว่า การฝึกมโนมยิทธิหรือการฝึกกรรมฐานอะไรก็ตาม ควรจะทำให้เต็มที่  ซักซ้อมบ่อย ๆ จนสามารถใช้งานจริงได้ ในลักษณะที่ท้าพิสูจน์ได้ เพื่อเป็นการยืนยันหลักวิชานี้ให้คนอื่นเขา ถ้าตราบใดที่ยังกลัวผิดกลัวพลาด  กลัวการพิสูจน์แปลว่ากำลังใจของเรายังใช้ไม่ได้ การพิสูจน์มีแต่ประโยชน์ไม่มีโทษ ประโยชน์ก็คือถ้าผิดจะได้แก้ไข  ถ้าถูกจะได้รู้ไว้ว่าที่ถูกต้องทำอย่างไร   
 
ส่วนอีกจุดหนึ่งที่ได้กล่าวไว้ก็คือว่า เรื่องการของพระพุทธศาสนานั้นขึ้นอยู่กับพุทธบริษัททั้ง ๔ ไม่เฉพาะภิกษุบริษัทเท่านั้น ก็แปลว่าญาติโยมทั้งหญิงและชายที่เป็นอุบาสกอุบาสิกา  ก็มีส่วนในการยังพระศาสนาให้รุ่งเรือง หรือทำลายพระศาสนาให้ล่มจมด้วยกันทั้งนั้น ดังนั้นเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคน ที่จะต้องช่วยกันฝึกปฏิบัติให้เกิดผลจริง  เพื่อที่เมื่อถึงเวลาแล้ว จะได้ช่วยกันยืนยันในสิ่งที่พระพุทธเจ้าหรือหลวงปู่หลวงพ่อท่านสอน ว่าทำแล้วมีผลจริงอย่างนั้น 
 
ฉะนั้น..วันนี้ก็ฝากงานต่อว่าการปฏิบัติทุกอย่างให้เอาจริง ถึงขนาดที่รู้จริง อธิบายได้ พิสูจน์ได้ ถ้าทำอย่างนั้นได้แล้ว ศาสนาของเราจะเจริญเอง เพราะว่าคนที่ยังไม่เลื่อมใส พอเห็นเราท้าพิสูจน์ได้ก็เกิดความเลื่อมใส   คนที่เลื่อมใสแล้วก็เลื่อมใสยิ่ง ๆ ขึ้นไป คนเก่าไม่ไปไหน คนใหม่มีแต่เพิ่มเข้ามา ก็เยอะขึ้นทุกที 
 
 
เทศน์ช่วงเย็น  ณ  บ้านอนุสาวรีย์ 
วันอาทิตย์ที่  ๑๑  ตุลาคม  ๒๕๕๒
		 
		
		
		
		
		
		
			
				__________________ 
				........................ 
 
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง 
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
			 
		
		
		
		
		
			
				  
				
					
						แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-03-2010 เมื่อ 02:22
					
					
				
			
		
		
		
	
	 |