คราวนี้มากล่าวถึงในเรื่องของพระด้วยกันต่อ ถ้าหากว่าเรายังเลือกในการสงเคราะห์คน ยังเลือกลูกศิษย์อยู่ พวกเราคงจะเจอมาแล้วหลายที่ ถ้าลักษณะนั้นแสดงว่าจิตใจยังเข้าไม่ถึงอัปมัญญาพรหมวิหาร ยังเลือกที่รักมักที่ชัง กำลังใจของตัวเองนอกจากจะแย่แล้ว ยังเป็นการทำลายศาสนาโดยไม่รู้ตัว เพราะเท่ากับเป็นการแบ่งพรรคแบ่งพวกไปเลย คนนี้รวยฉันคบ คนนี้จนฉันไม่คบ พวกนี้สักวันมันจะเป็นเศรษฐีขาดไฟ สำนวนโบราณว่าเศรษฐีขาดไฟก็คือ ให้คุณรวยสักแค่ไหนก็ตาม สักวันหนึ่งจะต้องมีเรื่องอะไรที่จะต้องไปพึ่งของที่นึกไม่ถึง แม้จะเล็กน้อยก็ตาม
แบบเดียวกับเราสร้างวัด เอ้า....โยมคนนั้นบริจาคมาแสนหนึ่ง เอ้า...เป็นเจ้าภาพนะ สร้างประตูโบสถ์ โยมคนนั้นก็สร้างหน้าต่างห้าหมื่น แต่ตอนที่ยกเสาโบสถ์เขามาช่วยยกไหม ? คนที่ถือหลุยส์วิตตองมันจะยกให้ไหม ? ใส่ปิแอร์การ์แดง ผูกเน็กไทมาอย่างดีเลย เขาจะมาแบกเสาให้เราไหม..? ไม่มี..ก็ต้องอาศัยชาวบ้านทั่วไป อาศัยคนข้างวัดที่ทำบุญทีละห้าบาทสิบบาทนั่นแหละ
แล้วเรานึกดูว่า คนเราทุกคนต้องการความดี มีโอกาสในการเข้าถึงธรรมทั้งหมด ไม่ใช่ว่าคนรวยแล้วจะเข้าถึงธรรม คนจนเข้าไม่ถึง ถ้าเราไปทำลักษณะอย่างนั้น ก็เป็นการไปตัดความดีของคนอื่นเขา โทษจะหนักมาก แล้วขณะเดียวกันก็ไม่สามารถจะยังศาสนาให้เจริญได้ เพราะว่ากำลังที่มีอยู่ในมือ ไม่สามารถทำงานได้หลากหลายทุกเรื่องได้ ท้ายสุดพอ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เข้ามามาก ๆ ก็เป๋ พอถึงเวลาไป ๆ มา ๆ แทนที่จะปฏิบัติธรรม ก็ชักจะไม่อยากจะทำแล้ว อยากมีครอบครัวแล้ว จะห่างความดีไปเรื่อย
เราจึงต้องรู้ตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าทำอะไรเพื่ออะไร เป็นที่น่าเสียดายว่า พระที่เริ่มต้นตั้งกำลังใจไว้ในด้านดีเป็นจำนวนมาก ท้ายสุดดูตัวเองไม่เป็น ก้าวถลำลึกไปเรื่อย ๆ แล้วในที่สุดก็ต้องหลุดออกจากวงโคจร สึกหาลาเพศไป แล้วขณะเดียวกัน บางท่านที่ยังฝืนใจอยู่ ก็รังแต่จะทำให้ตัวเองตกต่ำไปทุกวัน สร้างทุกข์สร้างโทษให้แก่ตนเองและผู้อื่นมากขึ้นทุกวัน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-12-2013 เมื่อ 11:22
|