หลวงพ่อกล่าวว่า "หลวงปู่จันทร์ กุสโล ท่านเจ้าคุณพุทธพจน์วราภรณ์ วัดเจดีย์หลวง สมัยที่ท่านยังเป็นพระเทพกวี อยู่วัดป่าดาราภิรมย์ อาตมาเคยไปกราบท่าน ท่านบอกว่า ถ้าเมตตาเกินประมาณจะเจอแต่คนพาลทั้งเมือง
คนสมัยนี้มันมีแต่หน้าด้านใจดำ เขาไม่กลัวความดีกัน เขากลัวแต่คนที่ชั่วกว่า ถ้าเราแสดงออกให้เห็นว่าเขี้ยวเรายาวกว่า มันถึงจะยอม นึกถึงพวกสัตว์เดรัจฉาน อย่างพวกลิง เวลาลิงมันขู่ มันจะแยกเขี้ยวใส่ ถ้าเราแยกเขี้ยวใส่มัน มันเห็นเขี้ยวเราใหญ่กว่า มันจะหนี ก็แปลว่า ในการทำมาหากินในปัจจุบันมันเอานิสัยของสัตว์เดรัจฉานมาใช้เยอะ เขาเลยไม่กลัวความดี กลัวแต่ความรุนแรงมากกว่า กลัวแต่คนที่ชั่วกว่า
คิดดูก็น่าอนาถใจว่า เรื่องของศีลธรรมจรรยามันตกต่ำขนาดนั้นเชียวหรือ และนี่มันแค่กลางศาสนาเท่านั้น ยังไม่ใช่ปลายศาสนาเลย ถ้าเรามาดูในยุคนี้ การทำมาค้าขายมันเป็นในเรื่องของคนกินคน ปลาใหญ่กลืนปลาเล็กไปหมด กิจการใหญ่ฮุบกิจการเล็กไปหมด ในลักษณะเทกโอเวอร์ กลายเป็นผู้ที่เข้มแข็งกว่าจึงอยู่ได้ นี่มันกลายเป็นสไตล์ของสัตว์เลย สัตว์ที่ตัวแข็งแรงกว่ามันจะอยู่รอด
ในเมื่อแค่กลาง ๆ ศาสนายังกินขนาดนี้แล้ว ตอนปลายศาสนาที่เขาเรียกว่ามิคสัญญี มันจะรุนแรงมาก (มิคสัญญี = หมายว่าเป็นเนื้อ) เห็นอีกฝ่ายหนึ่งเป็นเหยื่อ เขาบอกว่าลงจากบ้านก็ไม่จำหน้ากันแล้ว ไม่ชอบใจก็คว้าอาวุธฆ่ากันเลย ขออย่าให้ไปเกิดช่วงนั้นเลยนะ"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 27-10-2009 เมื่อ 13:57
|