ถ้าหากจะดูอานิสงส์การถวายดอกบัวแล้ว  ต้องดูพระอุบลวรรณาเถรี  ในอดีตชาติเป็นพระนางปทุมวดี  ท่านคลอดลูกแปลก ๆ   ท่านคลอดลูก  ๑  คนได้แถมมาอีก  ๔๙๙   คน  เขาบอกว่าลูกที่คลอดนั้น เกิดโดยชลาพุชะ (เกิดในมดลูก  เกิดในครรภ์)  แต่ว่ามีลูกที่เป็นสังเสทชะ (เกิดจากเม็ดเหงื่อ) อีก  ๔๙๙ คน คลอดทีเดียวบานเบิกเลย 
 
ลูกของท่านทุกคน เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหมด   ไม่รู้ว่าสร้างบุญอะไรมา  มีลูก ๕๐๐  คน  เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าหมด    ท่านเป็นพระราชินี  ลูกก็มีทหารมีพี่เลี้ยงคอยดูแลอยู่   ปรากฏว่าวันนั้นลูกไปเที่ยวอุทยาน  ลูกอายุครบ  ๗  ขวบพอดี   เวลาเห็นดอกบัว ความปรารถนาเดิม   ธรรมะเดิมกลับมาหมด ก็เลยพากันนั่งเข้าสมาธิ  บรรลุมรรคผลเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าพร้อมกันทั้ง  ๕๐๐ องค์ 
 
  พอตอนบ่ายพวกทหารก็มาตาม  "พระลูกเจ้ากลับได้แล้ว เดี๋ยวพระแม่เจ้าจะเป็นห่วง"     ท่านก็บอกว่า "กิจในการกลับวังไม่มีแล้ว  เพราะเราเป็นนักบวช"   พวกทหารก็หัวเราะ  บอกว่าพวกนักบวชเขาไม่แต่งตัวแบบนี้หรอก    พระปัจเจกพุทธเจ้าก็ถามว่า นักบวชเขาแต่งตัวกันอย่างไร  ? ทหารบอกว่านักบวชจะไม่ประดับตกแต่งด้วยเครื่องประดับอย่างนี้   นักบวชจะต้องห่มผ้ากาสาวพัสตร์  จะต้องโกนผมสั้น  ยาวไม่เกิน  ๒  องคุลี  มีบาตร ฯลฯ   
 
พอท่านทั้งหลายได้ยินก็ยืนขึ้น  ยกมือลูบศีรษะกลับเพศกลายเป็นพระหมด   บาลีบอกว่า สารูปและอาจาระเป็นเหมือนดั่งพระมหาเถระที่บวชมาได้แล้ว  ๑๐๐  พรรษา   แล้วท่านก็เหาะไปภูเขาคันธมาศกัน  พระนางปทุมวดีคิดถึงลูกก็จุดธูป    นิมนต์มารับบาตรในวัง     
 
แล้วท่านก็คั่วข้าวตอกห่อด้วยใบบัว  ๕๐๐  ห่อ  พร้อมกับดอกบัว  ถวายทุกรูป  แล้วอธิษฐาน  เมื่อได้ทำบุญกับพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง  ๕๐๐  สิ้นชีวิตจากชาตินั้นแล้ว ท่านไปเสวยสุขในเทวโลกเป็นเวลานับประมาณไม่ได้   เมื่อจุติลงมาใหม่   เกิดมาแล้วเดินไปกี่ก้าวก็มีดอกบัวผุดขึ้นมารับ   บานรอรับเท้าทีละดอก  
 
ชาติปัจจุบันนี้มาเกิดเป็นพระอุบลวรรณาเถรี    ท่านบอกว่ามีผิวงามเหมือนบัวเขียว (นิลุบล) คำว่านิลแปลว่าเขียวก็ได้  แปลว่าดำก็ได้  แต่ว่านิลจริง ๆ เป็นสีน้ำเงิน  แสดงว่าท่านเป็นคนผิวดำ ที่มีผิวสวยเกลี้ยงเกลามาก ๆ  เลย    ปรากฏว่าเป็นที่หมายปองของพระมหากษัตริย์  ทั้งเจ้าชาย  ทั้งเศรษฐี  คนเป็นพ่อไม่รู้จะยกให้ใคร   เพราะถ้ายกให้ใครสักคน ก็จะขัดใจกับคนที่เหลือ 
   
พ่อก็เลยไปถาม  "ลูกเอ๋ย..จะบวชไหม ?"    ด้วยวิสัยเดิมที่ท่านสร้างบุญมามหาศาล  พอได้ยินก็เข้าใจเลย ว่าพ่อลำบากใจอย่างไร  ก็บอกว่า"ถ้าอย่างนั้นลูกจะบวช"    ก็เลยไปบวชในสำนักภิกษุณี  กลายเป็นพระอรหันต์   เป็นอัครสาวิกาที่เลิศไปด้วยฤทธิ์ อัครสาวกที่เลิศด้วยฤทธิ์ฝ่ายภิกษุ ก็คือพระมหาโมคคัลลานะ  ฝ่ายภิกษุณีก็ต้องเป็นพระอุบลวรรณาเถรี 
 
 
เทศน์ช่วงเช้า  ณ  บ้านอนุสาวรีย์ 
วันเสาร์ที่  ๑๐  ตุลาคม  ๒๕๕๒
		 
		
		
		
		
		
		
			
				__________________ 
				........................ 
 
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง 
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
			 
		
		
		
		
		
			
				  
				
					
						แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-12-2013 เมื่อ 02:27
					
					
				
			
		
		
		
	
	 |