พระอาจารย์กล่าวว่า "พระเรามีธรรมนูญสุขภาพของพระสงฆ์เกิดขึ้นแล้ว พยายามรณรงค์ให้ญาติโยมถวายอาหารที่ไม่เป็นผลเสียต่อสุขภาพพระ ความจริงเรื่องนี้ทำผิดจุด สิ่งที่ควรเน้นคือให้พระพิจารณาในอาหาเรปฏิกูลสัญญา และให้รู้จักในโภชเนมัตตัญญุตาก็จบแล้ว
อาหาเรปฏิกูลสัญญา พิจารณาอาหารว่ามาจากปฏิกูล คือ พื้นฐานของความสกปรก พอพิจารณาเห็นก็หมดอยากแล้ว โภชเนมัตตัญญุตา รู้ประมาณในการกิน แบบที่ทางด้านสายวัดป่าบอกว่า พอรู้สึกว่าจะอิ่มก็ให้หยุด ดื่มน้ำตามลงไปก็อิ่มพอดี แต่ส่วนใหญ่เราในปัจจุบันพอรู้สึกว่าจุกก็จะหยุด ถึงได้สุขภาพเจ๊งกันไปหมด
เวลาพระวัดท่าขนุนไปฉันรวมกับพระวัดอื่นจะรู้สึกว่าทุกข์ทรมานมาก เพราะว่าเราอิ่มไปสี่รอบแล้ว เขายังไม่อิ่มกันเลย แล้วจะลุกก่อนก็ไม่ได้ เพราะว่าในงานต้องให้พรโยมก่อน ถึงเวลานิมนต์พระมาก ๆ ระดับร้อยรูป พระวัดท่าขนุนต้องลงนั่งทีหลังสุด ของเราไม่เกิน ๑๕ นาทีก็อิ่มแล้ว ส่วนเขานี่ส่วนใหญ่ไม่เที่ยงก็ไม่เลิกฉัน
โภชเนมัตตัญญุตาก็เลยสำคัญตรงที่ว่า ถ้าเรากินล้นกินเกิน ก็มีแต่โทษมากกว่าประโยชน์ พระพุทธเจ้าตรัสว่า มัชฌิมาปฏิปทานี้มีประโยชน์ทั้งทางโลกและทางธรรม ต้องรู้จักความพอเหมาะพอดี พอควร
ทีนี้ไปตั้งธรรมนูญสุขภาพพระขึ้นมา ดึงหน่วยงานโน้นมาช่วย หน่วยงานนี้มาช่วย แทนที่จะให้เรื่องจบลงที่พระ ไม่ต้องไปยุ่งกับใคร ก็ดันไปทำให้ยุ่ง แล้วก็ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนตรงที่ว่า ต้องไปหาอาหารให้เหมาะกับพระ ตัวเองก็ลำบาก
อาตมาไม่ได้ตำหนิ เพราะว่าพระเรามีโครงการ มีอะไรดี ๆ ก็ควรจะเอามาใช้ให้เป็นประโยชน์ให้เกิดรูปธรรม แต่พอเห็นเขาแก้ปัญหาของพระผิดจุดแล้วรู้สึกว่าชวนให้เหนื่อยมาก อาตมาก็เลยบ่นเท่านั้น"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-01-2019 เมื่อ 15:54
|