"ดังนั้นถ้าจะปฏิบัติให้ถูกต้องมีวิธีเดียวก็คือ ไม่ต้องใส่ใจ เราภาวนาอย่างไรก็ภาวนาต่อไป ถ้าหากว่าท่านใดเมตตามาสงเคราะห์ มีอะไรว่ามาตรง ๆ อย่ามาให้เห็นเฉย ๆ ถ้าให้เห็นเฉย ๆ ก็แค่รับรู้ไว้ด้วยความเคารพ ก็นิมนต์ท่านอยู่ตรงนั้นแหละ เราก็ปฏิบัติของเราต่อไป
เพราะว่าการรู้เห็นนั้นมีโทษมากกว่าประโยชน์ ที่ว่ามีโทษก็คือ หลายเรื่องเป็นเรื่องเกินกฎของกรรม ถ้าเรารู้แล้วไม่รู้ว่าตัวเองควรพูดเท่าไรนี่ เดือดร้อนมาเยอะแล้ว คนที่รู้แล้วจะรู้ว่าพูดได้เท่าไรก็มีน้อยเสียด้วย เพราะว่าส่วนใหญ่รู้เห็นแล้วก็ว่าไปเรื่อย บางอย่างรู้ ๑๐๐ ท่านให้พูดได้แค่ ๑ แค่ ๒ อกจะแตกตาย...!
อาตมาสมัยฝึกใหม่ ๆ เจอมาแล้ว บอกใครไม่ได้แล้วมาให้รู้ทำไม ? เสร็จแล้วก็พากันหลงเตลิดเปิดเปิงไปก็เยอะ พอคนเขาชม แหม...รู้เห็นได้แม่นจริง ๆ เลย อะไรจะชัดเจนแจ่มใสขนาดนี้ พูดทุกอย่างเหมือนกับตาเห็นเลย เราก็หลงเตลิดเปิดเปิงไป เป้าหมายที่แท้จริงในการที่จะละกิเลส ก็เลยกลายเป็นเพิ่มกิเลสขึ้นมา"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-12-2018 เมื่อ 13:11
|