ดูแบบคำตอบเดียว
  #169  
เก่า 26-12-2018, 08:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,298 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อเช้าที่กล่าวถึงท่านอาจารย์ธรรมจักร นิลรักษา ที่เป็นผู้ประสานงานในการสอบธรรมศึกษาโรงเรียนทองผาภูมิวิทยา บอกว่าไปนั่งสมาธิที่พระเจดีย์วัดท่าขนุนแล้วเห็นพระฤๅษีมา ถามว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป ? อาตมาก็บอกว่า อันดับแรกอาจารย์ต้องนึกก่อนว่าตัวเรามานั่งสมาธิเพื่ออะไร ?

ส่วนใหญ่การเจริญสมาธิของเราก็หวังอยู่ ๒ อย่าง คือความสุขในปัจจุบัน กับการพ้นจากกองทุกข์ เพราะฉะนั้น..ในเรื่องของการนั่งสมาธิ สิ่งที่มารบกวนอย่างหนึ่งคือนิมิตต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ถ้าเป็นสายวัดป่านี่ท่านให้ทิ้งหมดเลย สายพองยุบก็ให้ทิ้งหมดเลยเช่นกัน "เห็นหนอ..เห็นหนอ" อย่างเดียวแต่ไม่สนใจเลย ก็เลยบอกว่าอาจารย์ต้องดูว่าเราตั้งใจนั่งสมาธิเพื่ออะไร ?

เรานั่งสมาธิเพื่อความสงบก็ตัดทิ้งไปเสีย อาจารย์ธรรมจักรถามว่าแล้วในเรื่องของมโนมยิทธิละครับ ? ก็บอกว่ามโนมยิทธินั่งเพื่อการรู้เห็น รู้เห็นเพื่อให้ละวาง ก็คือเราจะรู้ว่าภพไหนภูมิไหนก็ตาม เมื่อถึงเวลายังไม่หมดกิเลสก็ยังเวียนว่ายตายเกิด ต้องทุกข์ยากอีก เมื่อเรารู้ว่าภพภูมิที่หมดกิเลสอย่างแท้จริงคือพระนิพพาน ก็ต้องตั้งเป้าหมายว่าเราต้องไปที่พระนิพพาน แต่ส่วนใหญ่พอเราไปรู้แล้วก็มักจะหลงทาง

อาตมาเคยเตือนหลายคนแล้วเขาไม่ฟัง ที่ไม่ฟังเพราะว่าการรู้เห็นเหมือนกับว่าดึงดูดพาเราให้ถลำลึกเข้าไปในเรื่องต่าง ๆ ที่ไม่สามารถรู้เห็นได้ในสมัยก่อน ทำให้เกิดความรู้สึกปลื้มใจ ภูมิใจ ว่าเราทำได้ เรารู้ได้ โดยที่ลืมสังเกตไปว่าการรู้เห็นนั้น ๆ ไม่ได้ช่วยในการละกิเลสเลย"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 26-12-2018 เมื่อ 20:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา