พระอาจารย์กล่าวว่า  "เมื่อกลางวันมีกล้วยปิ้ง ด้วยความที่อาตมาเคยชินกับการอยู่กับสวนกล้วย ก็เลยไม่เอาน้ำจิ้มราด ปรากฏว่าฝาดอย่าบอกใครเลย เขาบอกว่ากล้วยฝาด ๆ ช่วยสมานแผลในกระเพาะได้ 
 
 กล้วยปิ้งสมัยก่อนปิ้งเสร็จเขาก็แค่ทับแบน ๆ  ก็เลยเป็นสำนวน ‘แบนเป็นกล้วยปิ้ง’ สมัยนี้กล้วยปิ้งมีน้ำจิ้มด้วย มีนมมีเนยมีอะไรผสมเป็นน้ำจิ้มราดหน้า โรคภัยไข้เจ็บจะถามหาอีกเยอะ  
 
กล้วยน้ำว้าห่าม ๆ  ห่ามนี่คือต้องใกล้สุกแล้วเอามาปิ้ง กล้วยของวันนี้ไม่ทันจะห่าม ยังฝาดอยู่เลย  เอามาทำกล้วยปิ้งกันแล้ว ส่วนกล้วยหักมุกพวกเราแยกไม่ออกกระมัง กล้วยหักมุกก็คือที่ลูกอ้วน ๆ สั้น ๆ เปลือกหนา ๆ เขาเอาไว้เผา" 
		 
		
		
		
		
		
		
			
				__________________ 
				........................ 
 
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง 
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
			 
		
		
		
		
		
			
				  
				
					
						แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-12-2018 เมื่อ 02:19
					
					
				
			
		
		
		
	
	 |