"สมัยอาตมาวิ่งรับใช้หลวงปู่ฝั้นอยู่ ท่านก็จะเคี่ยวแก่นขนุนเก็บไว้เป็นก้อน พอถึงเวลาก็ไปผ่าออกมาแล้วก็เอาไปต้ม พอต้มเสร็จก็เอาจีวรท่านไปย้อม เมื่อบิดแห้งก็เอาไปผึ่ง ไม่ใช่ตากแดด ขอยืนยันว่าจีวรอย่าตากแดด ส่วนใหญ่ให้อยู่ในร่ม เพราะว่าตากแดดแล้วสีจะซีดเร็วมาก บางทีอาตมาจะสงสัยว่า เอ...ไม่ถูกแดดจะได้หรือ ? ถ้าถูกแดดมาก ๆ ก็แย่เหมือนกัน สีจะซีดเร็วมาก
ครูบาอาจารย์ท่านบิณฑบาตกลับมา บางทีท่านเดินมา ก็เปียกเหงื่อบ้างอะไรบ้าง ก็เอาจีวรผึ่งไว้ในร่ม พอท่านพักผ่อนอิริยาบถ เข้าห้องน้ำเสร็จ ถึงเวลาก่อนที่จะขึ้นที่ฉันก็ถวายจีวรที่ผึ่งไว้คืนให้ท่านครอง ท่านครองผ้าเสร็จก็นั่งลงประจำที่ พวกเราก็ประเคนอาหาร ท่านก็จะหยิบตักเอาเฉพาะส่วนที่ต้องการ แล้วก็ส่งต่อกันไปเรื่อย ๆ
ระยะหลังนี่เห็นหลายวัดมีพัฒนา สมัยก่อนที่อาตมาเป็นเด็กวัด วิ่งรับใช้หลวงปู่หลวงพ่อสายวัดป่า จะเป็นการส่งอาหารมือต่อมือ สมัยนี้เขามีล้อเข็นเล็ก ๆ เหมือนถาดติดล้อ ถึงเวลาก็ใส่ถาด ได้สัก ๓ จาน ๔ จาน ก็ผลักส่งกันไปเรื่อยจนกว่าจะถึงท้ายแถว ถือว่าเป็นการเอื้อเฟื้อพระอย่างหนึ่ง เพราะว่าไม่ต้องยกด้วยตัวเอง "
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-11-2018 เมื่อ 20:41
|