"ท่านเจ้าคุณปิงตอนนั้นยังเป็นพระกวีศิลป์อยู่ แล้วก็มาเป็นพระมหากวีศิลป์ ท่านก็งง ๆ ว่าหลวงพ่อสมเด็จฯ คุยอะไรกับพระอาจารย์ พูดรู้เรื่องกันแค่สองคน
เห็นหนังสือมีรูปท่านแล้วก็นึกถึงท่าน โดยเฉพาะคำสอนท่านที่ได้ใช้แบบประจำเลย ก็คือเรื่องเตือนในการทำบุญ ท่านบอกว่า “ศรัทธานั้นดี แต่ต้องมีปัญญาประกอบด้วย” ฟังแล้วสะดุ้งกันบ้างไหม ? ก็คือส่วนใหญ่แล้วพวกเรามีศรัทธากันอย่างเดียว ไม่ได้มีปัญญาประกอบ ตอนนั้นที่ท่านเตือนก็เพราะว่า แย่งกันเข้าไปถวายเงินถวายทองร่วมหล่อพระ แล้วมีเตาหลอมร้อน ๆ อยู่ใกล้ ๆ ถ้าใครล้มใส่สักคนก็เป็นเรื่องเลย ท่านจึงเมตตาเตือน
ครูบาอาจารย์บางทีท่านเตือน ท่านพูด แล้วเราก็ปล่อยผ่านหูไป แบบเดียวกับหลวงปู่ครูบาไชยวงศ์ ท่านไม่ได้เหมือนอาตมาหรอก หลวงปู่ท่านเมตตามาก ญาติโยมเข้าทำบุญกับท่าน ใครมาทางทิศไหนท่านก็รับเขาหมด จึงกลายเป็นว่าไปประดังอยู่ตรงหน้าท่าน คนขวาก็จะออกซ้าย คนซ้ายก็จะออกขวา เบียดกันอยู่ตรงนั้น
หลวงปู่ท่านบอกว่า “ข้ามน้ำหื้อผ่อคนนำเน้อ” ฟังกันไม่รู้เรื่องหรอก ท่านบอกว่าข้ามน้ำให้ดูคนนำ เขานำไปทางไหนให้ไปทางนั้น มาจากในพระไตรปิฎกที่ว่า "ฝูงโคข้ามลำน้ำ โคจ่าฝูงนำไปทิศไหน โคทั้งหลายก็ตามไปทิศนั้น" เพราะฉะนั้น..คนเป็นผู้นำก็ต้องระมัดระวังตัวเองให้จงหนัก เพราะว่าอาจจะนำเขาผิดทางได้
คราวนี้ญาติโยมไม่ได้ดูว่าคนหน้าเขาออกซ้าย เราจะไปซ้ายตาม หรือคนหน้าออกขวา เราจะได้ขวาตาม นี่คนซ้ายไปขวา คนขวาจะไปซ้าย ที่ข้างหลังก็เบียดเข้ามา จึงไปประดังกันอยู่ตรงหน้าท่าน ออกไม่ได้ บางทีครูบาอาจารย์ท่านบอกอะไรแล้วพวกเราก็ไม่ได้ฟัง ปล่อยให้ผ่านหูไปเฉย ๆ"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2018 เมื่อ 04:09
|