| 
				  
 
			
			แล้วมาพิจารณาทบทวนศีลทุกสิกขาบทของเราให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ล่วงละเมิดศีลด้วยตัวเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล ทำความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างจริงจัง ไม่ล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง 
 รู้ตัวอยู่เสมอว่าชีวิตของเรามีอยู่แค่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้าไม่หายใจออกก็ตายแล้ว หายใจออกไม่หายใจเข้าก็ตายเช่นกัน ในเมื่อธรรมดาของชีวิตเกิดมามีแต่ความทุกข์เช่นนี้ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาในโลกที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยากเร่าร้อนแบบนี้ก็ดี การเกิดมามีร่างกายที่ต้องเผชิญกับความทุกข์ตั้งแต่ลืมตาตื่นยันหลับตาลงก็ดี จะไม่มีสำหรับเราอีก ถ้าหากว่าสิ้นชีวิตลงไปเพราะหมดอายุขัยก็ดี หรือเกิดอุบัติเหตุอันตรายใด ๆ จนถึงแก่ชีวิตก็ตาม เราตั้งใจไปพระนิพพานแห่งเดียว
 
 แล้วเอาใจของเราจดจ่อไว้ที่พระนิพพาน คือจดจ่อไว้ที่พระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งที่เรารักเราชอบ ว่านั่นคือพุทธนิมิตแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพาน เราระลึกถึงพระองค์ท่านได้แปลว่าเราอยู่ใกล้กับพระองค์ท่าน เราอยู่ใกล้กับพระองค์ท่านแปลว่าเราอยู่บนพระนิพพาน พยายามรักษากำลังใจของเราเอาไว้ในลักษณะนี้ จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
 
 
 พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
 เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
 วันศุกร์ที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๑
 (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา)
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2018 เมื่อ 09:16
 |