| 
				  
 
			
			ฉะนั้น...ในเรื่องของความกังวลต่าง ๆ ก็ควรที่จะละทิ้งเสียให้หมด ในเมื่อเราอยู่ตรงนี้แล้ว สิ่งที่สมควรทำก็คือ ทุ่มเทกำลังใจเอาไว้เฉพาะหน้า เมื่อกำลังใจของเราอยู่เฉพาะหน้า ความห่วงความกังวลต่าง ๆ ก็จะเหลือน้อย
 อีกเรื่องหนึ่งที่พบกันอย่างมากก็คือ ส่วนใหญ่แล้วเราไม่เข้าใจว่าศัตรูของเรา หลัก ๆ เลยคือนิวรณ์ ๕ ประกอบด้วย
 
 ๑. อาการข้องอยู่กับรูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสระหว่างเพศ
 ๒. ข้องเกี่ยวอยู่กับความโกรธ เกลียด อาฆาตพยาบาทผู้อื่น
 ๓. มีความง่วงเหงาหาวนอน ขี้เกียจปฏิบัติ
 ๔. มีความฟุ้งซ่านรำคาญใจ หงุดหงิดกลัดกลุ้ม
 ๕. มีความลังเลสงสัยว่า ผลของการกระทำคือการปฏิบัติธรรมนี้ จะดีจริงหรือเปล่า ? จะเกิดผลแก่เราจริงหรือเปล่า ? เป็นต้น
 
 ในเมื่อเราไม่รู้ เราก็ไม่สามารถที่จะตัดจะละได้ เพราะไม่รู้จักหน้าของข้าศึก วิธีละนิวรณ์ที่ง่ายที่สุดก็คือ เอาความรู้สึกของเราอยู่กับอารมณ์ปัจจุบัน อยู่กับตอนนี้ อยู่กับเดี๋ยวนี้ อยู่กับลมหายใจเข้าออก ถ้าสติของเราตามลมหายใจเข้าไป ตามลมหายใจออกมา ใช้คำภาวนาควบคู่ไปด้วย ไม่ได้เลื่อนเคลื่อนคล้อยไปสู่อารมณ์ไหน สภาพจิตของเราก็จะห่างไกลจากนิวรณ์ ๕ โดยอัตโนมัติ ถ้าเผลอสติไปฟุ้งซ่านถึงเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ รู้ตัวเมื่อไรก็ให้ดึงกลับมาที่ลมหายใจเข้าออกเสียใหม่ เป็นต้น
 
 ถ้าเราสามารถทำสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ได้โดยพร้อมเพรียงกัน ขึ้นชื่อว่าการปฏิบัติสมาธิภาวนาให้ได้ผล คือ เข้าถึงอัปปนาสมาธิตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไปก็ดี หรือว่าการปฏิบัติธรรมเพื่อให้ได้ผล เพราะว่าเรามีกำลังสมาธิช่วยตัดช่วยละกิเลสก็ตาม สิ่งดี ๆ ทั้งหลายเหล่านี้ก็จะมีขึ้น จะเกิดขึ้นแก่ตัวเรา ดังนั้น...ท่านทั้งหลายจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาว่า อย่างไรถึงจะทำดี อย่างไรถึงจะทำถูก อย่างไรถึงจะพอเหมาะพอควร  เป็นต้น
 
 ลำดับต่อไป ให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
 
 
 พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
 เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
 วันอาทิตย์ที่ ๕  สิงหาคม ๒๕๖๑
 (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย รัตนาวุธ)
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 31-03-2022 เมื่อ 22:48
 |