พระอาจารย์กล่าวว่า  "เรื่องของกล้องวงจรปิดจะว่าไปแล้วไม่ได้ป้องกันเหตุร้ายโดยตรง แต่เป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุ ก็คือพอเกิดอะไรขึ้นแล้วก็มาเปิดดู โดยเฉพาะถ้าเป็นกล้องของวัดท่าขนุนนี่แก้ที่ปลายเหตุล้วน ๆ เลย เพราะว่ารอบวัดมีกล้อง ๕๐ ตัว แต่คนมองไม่เห็น กล้องตัวเล็กมาก  จะเห็นอยู่ชุดเดียวก็คือชุดอยู่ที่ตรงรอยต่อระหว่างกุฏิเจ้าอาวาสกับทางด้านกุฏิเตชะไพบูลย์ เพราะว่าตรงจุดนั้นไม่มีที่ให้ซ่อน ก็เลยต้องทำแท่นติดไว้ให้เห็น นอกนั้นหาไปเถอะ ๕๐ ตัว มองไม่ค่อยเห็นหรอก  
 
โดยเฉพาะในศาลาใหญ่มี ๑๒ ตัว ญาติโยมไม่รู้หรอกว่าทำอะไรก็ออกสื่อไปหมด กล้องที่วัดเคยจับขโมยไป ๒ ครั้งแล้ว ชัดเจนดีมาก ไม่รู้เขาเรียกว่าระบบอะไร แต่ชัดอย่างกับตาเราเห็น ส่วนใหญ่กล้องวงจรปิดจะเห็นไม่ค่อยชัด  จะเบลอ ๆ แล้วที่แน่ ๆ ก็คือ อาตมาสงสัยเหมือนกันว่าทำไมของเราราคาไม่กี่สตางค์ ทั้งหมด ๕๐ ตัวพร้อมกับ Hard disk ๒ TB อีก ๖ ตัว รวมกันแล้วแค่ ๓ แสนกว่าบาท ได้ยินว่ากล้องของรัฐสภาตัวหนึ่งก็ ๑๔๐,๐๐๐ บาทเข้าไปแล้ว แสดงว่าของเราบริษัทขายไม่เป็น หรือว่าของวัดเราไม่มีเงินทอน ไม่อย่างนั้น ๕๐ กว่าตัวของอาตมาถ้าเข้าสภาก็ซื้อได้แค่ ๒ ตัว ตัวที่ ๓ คงจะได้สักครึ่งเดียวเท่านั้น"
		 
		
		
		
		
		
		
			
				__________________ 
				........................ 
 
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง 
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
			 
		
		
		
		
		
			
				  
				
					
						แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-08-2018 เมื่อ 15:49
					
					
				
			
		
		
		
	
	 |