พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของนักฟุตบอลเด็กทีมหมูป่า จังหวัดเชียงราย กับผู้ฝึกสอนที่ไปติดอยู่ในถ้ำ ถ้าว่ากันตามหลักของพระพุทธศาสนาเราก็คือวาระกรรมมาถึง แต่ในส่วนนี้บางอย่างทำให้สังคมของเรามองผิด อย่างเช่นว่าปัจจุบันบางส่วนเห็นเด็กเป็นฮีโร่ ก็คือเป็นวีรบุรุษ ออกมาก็คงจะต้องสัมภาษณ์ ต้องออกทีวี ต้องอะไรกันมากมาย ขอให้เข้าใจว่าพวกเขาไม่ใช่วีรบุรุษ แต่เขาเป็นผู้ประสบภัย แล้วเป็นผู้ประสบภัยที่มีคนถามว่าทะลึ่งไปทำอะไร ?
เราลองมานึกดูว่า ถ้าบ้านเราห้างก็ไม่มี โรงหนังก็ไม่มี บาร์หรือไนต์คลับก็ไม่มี ถึงเวลาก็ต้องไปเที่ยวที่ธรรมชาติ เพียงแต่ดวงเฮงไปหน่อยเท่านั้นเอง เจอน้ำท่วมเต็มทางเข้า แล้วก็ไม่ใช่ระยะสั้น ๆ ท่วมตั้งสามกิโลเมตรกว่า ขนาดนักประดาน้ำระดับโลกจากอังกฤษที่เขามาช่วยยังหลงทางแทบตาย ที่เจอนั่นเพราะว่าวาระกรรมผ่านพ้นไปพอดี เขาบอกว่าถ้าเชือกยาวกว่านั้นอีกสัก ๑๕ ฟุตก็ไม่เจอเด็กหรอก คราวนี้เชือกหมดเขาก็เลยต้องโผล่ขึ้นมาดูว่าอยู่ตรงไหน...ไปจ๊ะเอ๋เด็กเข้าพอดี อันนี้ก็คือส่วนหนึ่ง
อีกส่วนหนึ่งก็คือเด็กตอนแรกไปเที่ยวกันเอง พอเด็กหายไปพ่อแม่ก็แจ้งครู ครูเป็นโค้ชหรือเป็นครูฝึกก็เลยตามไปด้วย ก็ปรากฏว่าครูนั้นเก่งที่ตามเด็กทัน แต่ออกมาไม่ทัน เพราะว่าน้ำป่าถึงเวลาหลากมานี่ มาประเภทภูเขาถล่มเลย จึงโดนปิดปากถ้ำเสียก่อนออกไม่ได้ แต่ว่าครูก็เก่ง ไม่ขาดสติ บอกว่าเคยบวชมาหลายพรรษา เมื่อเอาเด็กหนีน้ำขึ้นที่สูงได้แล้วก็ให้นั่งนิ่ง ๆ หรือไม่ก็นอนภาวนา เพื่อที่จะได้ใช้พลังงานให้น้อยที่สุด เขาเป็นคนพื้นถิ่นเขาก็รู้ว่า พอถึงเวลาถ้าน้ำท่วมแถวนั้นจะนานมาก แต่ไม่เคยคิดว่าจะนานถึงขนาดเป็น ๑๐ วัน"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-07-2018 เมื่อ 03:47
|