ถาม : นักปฎิบัติส่วนใหญ่รวมทั้งตัวผมต้องเคยเจออารมณ์ที่อยากปรามาสพระรัตนตรัย หรือปกติเป็นคนไม่โกรธคน แต่อยากด่าคน  อยากโกรธทั้ง ๆ ที่ ไม่มีสาเหตุ อยากถามว่าถ้าอารมณ์ธรรมารมณ์ที่อยากด่าพระ หรืออยากโกรธเกิดขึ้น ถ้าสติเรารับรู้อารมณ์เลว ๆ นี้ทัน  แล้วจิตไม่ไปเอาอารมณ์นั้นมาด่าหรือโกรธในใจ แล้วกำหนดรู้ลมหายใจแทน แปลว่าตอนนี้กิเลสเกิดไม่ได้ เฉาตายไปชั่วขณะใช่หรือเปล่าครับ ?   
ตอบ :  เกิดไปเรียบร้อยแล้ว เพราะว่ากิเลสเกิดทางใจ  เกิดทางวาจา  เกิดทางกาย  ในเมื่อเราคิด แปลว่ากิเลสกินเราไปแล้ว ๑  ใน ๓ ถ้าพูดออกมาก็หมดไป  ๒ ใน ๓  ถ้าทำไปด้วยก็ครบทุกส่วนเลย   
 
ถาม :แล้วจะทำอย่างไรไม่ให้อารมณ์ที่อยากปรามาสพระ หรืออยากโกรธพระกำเริบครับ ? 
ตอบ : เป็นพระโสดาบัน  
 
ถาม : จากข้อดังกล่าว ทำให้ผมเห็นความสำคัญของการมีสติมาก เพราะปกติจิตจะไปฟุ้งซ่านกรรมชั่วในอดีตและฟุ้งในอนาคต แต่ถ้าสติเรามีความไวเท่าทันจิต สติจะสามารถหยุดจิตที่จะไปนึกถึงอดีตและอนาคตได้ ณ จุด ๆ นี้ผมเลยสงสัยว่า  การฝึกมหาสติปัฏฐานสูตร คือการฝึกให้มีสติใหญ่ สมมติว่าผมเดินอยู่ผมต้องเอาสติไปรับรู้ ๒ สิ่งขณะเดียวกัน ว่าตอนนี้เรากำลังหายใจเข้าหรือหายใจออก และเอาสติรับรู้อีกว่าตอนนี้เรากำลังก้าวเท้าซ้ายหรือเท้าขวาหรือเปล่าครับ   หรือว่าทำอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ครับ ? และผมลองเอาสติไปรับรู้สองสิ่งนี้ ผมสับสนมาก  สติไม่ไวพอ แปลว่าผมต้องฝึกอีกเยอะใช่หรือเปล่าครับ  ? 
 
ตอบ : แปลว่าตอนนี้คุณกำลังเข้าอนุบาล ๑  แต่ดันไปเอาเรื่องของคนจบปริญญาตรีมาทำ...!    การที่เราจะฝึกสติ อย่างเดินอยู่แล้วนึกถึงลมหายใจเข้าออกไปด้วย  ส่วนใหญ่จะเดินไม่ได้ เพราะว่าทันทีที่เราจับลมหายใจเข้าออกได้มั่นคง  จิตกับประสาทจะเริ่มแยกออกจากกัน  ถ้าไม่ใช่คนที่คล่องตัวจริง ๆ จะบังคับร่างกายไม่ได้  ถึงได้บอกว่าของคุณแค่อนุบาล ๑  แต่ดันไปเอาเรื่องของคนจบปริญญาตรีมาทำ ก็หาเรื่องลำบากเอง
		 
		
		
		
		
		
		
			
				__________________ 
				มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด  
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
			 
		
		
		
		
		
			
			
			
			
			
			
			
			
			
			
				
			
			
			
		 
	
	 |