"อาตมาก็เลยคาดโทษพระพี่เลี้ยงไว้ ว่าถ้านาคชุดต่อไปมีนุ่งกางเกงขาสั้นในวัดอีก พี่เลี้ยงโดน...! เพราะเป็นหน้าที่ตัวเองที่ต้องบอก ไม่ใช่รอจนกระทั่งครูบาอาจารย์เห็นว่าไม่เหมาะไม่สมแล้วค่อยบอก เพราะอะไรก็ตามที่เราทำด้วยความมักง่าย แสดงออกซึ่งความหยาบของจิตเราที่มีอยู่มาก แปลง่าย ๆ ว่าขาดความเคารพในพระรัตนตรัยจริง ๆ โอกาสที่เข้าถึงธรรมก็ยากไปด้วย พูดง่าย ๆ ว่าการกระทำบ่งบอกถึงสภาพจิตใจ สภาพจิตใจบ่งบอกถึงผลการปฏิบัติ ต้องบอกว่าเสียหายร้ายแรงมาก จากเรื่องที่เราไม่คิดว่าจะเสียหาย
การเป็นครูบาอาจารย์นั้น วิธีการสอนของพระมีหลายอย่าง มีอนุสาสนีกถา ที่ฟังแล้วเหนื่อย อนุสาสนีกถาคือจ้ำจี้จ้ำไชปากเปียกปากแฉะ ซึ่งอาตมาเองก็ไม่มีความสุขที่จะต้องมาด่า แต่บางทีพูดดี ๆ ก็ฟังไม่รู้เรื่อง ไม่ต้องไปบอกว่าให้นัย ลักษณะให้นัยนั้นต้องคนฉลาดมาก ๆ มีไหวพริบมาก ๆ ไม่ได้ฉลาดอย่างเดียว ต้องเฉลียวด้วย สะกิดนิดเดียวก็รู้ตัวรีบแก้ไข คนประเภทนี้โอกาสได้ดีมีสูง ปัจจุบันนี้เท่าที่เจอคือด่าไปจำแค่ไม่กี่วันก็ลืม แล้วทำตัวตามสบายกันต่อ
ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายก็ตาม การที่เราแต่งตัวอวดร่างกาย เป็นโทษทั้งกับตนเองและคนอื่น เพราะว่าเพศตรงข้ามก็ชอบมอง ไม่ใช่ว่าเราผู้ชายใส่กางเกงขาสั้นเดินตามสบาย หารู้ไม่ว่าสาวเขาเหล่ตามอยู่ตลอด แล้วก็คงมีนินทาในใจว่าขาอย่างกับโต๊ะบิลเลียดยังอุตส่าห์ใส่ขาสั้นอีก
รู้แล้วแก้ไขยังถือว่าพออภัย รู้แล้วแก้ไขไม่ได้ต้องบอกว่าหนาเกินไป สมัยก่อนเขาว่าคนกะโหลกหนามักจะปัญญาทึบ เพราะว่ากะโหลกหนา เนื้อสมองก็เลยเหลือน้อย คนโบราณเขาด่าเจ็บ
เรื่องของการปฏิบัติธรรม ยิ่งทำต้องยิ่งละเอียด ในเมื่อต้องยิ่งละเอียด สิ่งที่เราทำอยู่ย่อมบ่งบอกถึงภูมิจิตภูมิธรรมของเราเอง บ่งบอกถึงครูบาอาจารย์ที่อบรมสั่งสอนเรามา แล้วก็ยาวไปถึงต้นสายเลย คือจากหลวงพ่อเป็นหลวงปู่ จากหลวงปู่เป็นหลวงปู่ทวด ไล่ไปถึงพระพุทธเจ้าโน่น สรุปว่าเสียหายกันหมด"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-06-2018 เมื่อ 20:28
|