พระอาจารย์กล่าวว่า "พระมหาจุมพลท่านจบเปรียญธรรม ๙ ประโยค แล้วไปเรียนต่อ ท่านบอกว่า “เพิ่งจะรู้ว่าตัวเป็นกบในกะลา” ปกติทางพระเราจบประโยค ๙ ถือว่าสูงสุดแล้ว แต่ปรากฏว่ารู้เรื่องทางโลกนิดเดียว ไปเรียนกับเขาไม่รู้เรื่องเลย
ส่วนใหญ่แล้วพระเราที่เรียนบาลีต้องการจะเพิ่มวุฒิ จากเดิมที่เขาให้เทียบปริญญาตรี ก็จะปรับเป็นปริญญาโทหรือปริญญาเอก แล้วทางสกอ. และกระทรวงศึกษาธิการ ก็กำหนดว่าจะต้องเรียนอะไรเพิ่มบ้าง ซึ่งวิชาทั้งหลายเหล่านั้น ส่วนใหญ่แล้วพระเณรไม่เคยเจอมาเลย โดยเฉพาะท่านที่จบเปรียญธรรม ๙ ประโยค ก็มักจะเรียนตั้งแต่ตอนเป็นสามเณร ทำให้รู้วิชาสามัญน้อยมาก ไปเจอระบบการเรียน การคิด การเก็บคะแนนแบบใหม่ ๆ ก็มักจะไปกันไม่ค่อยเป็น
อาตมาเองมีเพื่อนร่วมรุ่นที่เป็นเปรียญธรรม ๙ ประโยค มาเรียนปริญญาโทปริญญาเอกด้วย ก็ต้องช่วยอนุเคราะห์สงเคราะห์กันไปตามกำลัง แต่เพื่อนบางท่านก็ต้องบอกว่าหัวดีมาก อย่างพระมหากังวาล ธีรธฺมโม เปรียญธรรม ๙ ประโยค วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม ตอนท่านเรียนโทเรียนเอก มีแนวคิดที่ชัดเจนมาก ทำวิทยานิพนธ์ออกมาชนิดเป็นหลักเป็นฐาน อวดคนอื่นได้ไม่อายใคร
แต่ว่าบางท่านกรอบแนวคิดไปโดนจำกัดอยู่ตั้งแต่สมัยท่องบาลี ก็เลยทำให้แนวคิดไม่ชัดเจน เพื่อนฝูงก็ต้องช่วยกัน มาติวเพิ่มเติมให้ ต้องใช้ความพยายาม ใช้เวลาในการเรียน มากกว่าคนอื่นเขา"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-03-2018 เมื่อ 07:43
|