ถาม : มีบางครั้งผมมีความรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองนี้เต็มไปด้วยทุกข์   มีแต่โทษแก่ตัวเองไม่มีคุณเลย กามที่ว่าเป็นสุข ก็รู้สึกว่าสุขไม่จริง เพราะยังมีร่างกายอยู่ ทุกอย่างในโลกที่ทำแล้วรู้สึกว่าเป็นสุข สนุกสนาน รื่นเริง ก็สุขไม่จริง เพราะยังมีร่างกายอยู่ อย่างน้อยมันก็ทำให้เรารู้สึกร้อน หนาว เหนื่อย อึดอัด ปวดเมื่อย  
 
พอคิดได้แบบนั้นจิตก็รู้สึกว่าเบานิดหน่อย แล้วเวลานึกไปไหนมาไหน เช่น คิดว่าตอนนี้เรากำลังนั่งกราบพระอยู่ ก็สามารถนึกได้แบบถนัด ไม่ขัดข้อง ง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก  แต่ความรู้สึกแบบนี้อยู่ได้ไม่นาน อารมณ์ก็กลับมาเป็นแบบเดิม คือ รู้สึกหนัก ๆ เห็นว่าความสุขในโลกก็อาจจะยังมีความสุขอยู่บ้าง อาหารอร่อยก็รู้สึกเป็นสุข พอความรู้สึกแบบนี้กลับมา ก็ปรากฏว่าเวลานึกไปกราบพระทีไรก็นึกได้ไม่สะดวกนัก ต้องใช้แรงเยอะมาก กว่าจะนึกได้  
 
ไม่ทราบว่าอาการนี้คืออะไรครับ และทำอย่างไรจึงจะสามารถทำให้ความรู้สึกแบบนี้อยู่ได้ตลอดครับ  ? 
 
ตอบ : อันดับแรก สิ่งที่เรารู้สึกได้เพราะว่าเราคิดพิจารณาในหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จนกระทั่งความดีส่วนหนึ่งทรงตัวอยู่   เมื่อเราไปคิดถึงภาพพระที่เป็นความดีใกล้เคียงกัน จึงสามารถที่จะกำหนดได้ง่าย  หรือรู้เห็นได้ง่าย  แต่พอกิเลสท้วมท้นใจเข้ามา ก็เหมือนกับคนโดนขยะท่วมทับอยู่  จะตะเกียกตะกายไปไหว้พระก็ต้องฝ่ากองขยะออกไปด้วยความยากลำบาก 
 
ดังนั้น...ส่วนที่ว่ามานี้  สิ่งที่ควรทำมากที่สุดก็คือ พยายามรักษาการพินิจพิจารณาแบบนั้นไว้ให้บ่อย ๆ  จนกระทั่งสามารถกำหนดใจถึงได้ทุกเวลา  เมื่อถึงเวลาเราเห็นจริงแล้วว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นทุกข์  หมดความยึดติดในร่างกาย  คราวนี้เราจะไปที่ไหนเราก็ไปได้สะดวก เพราะว่ากำลังใจไม่เกาะร่างกายแล้ว 
		 
		
		
		
		
		
		
			
				__________________ 
				มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด  
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
			 
		
		
		
		
		
			
			
			
			
			
			
			
			
			
			
				
			
			
			
		 
	
	 |