เขาถามว่าธรรมมุทเทศ คืออะไร ? ใครแสดงกับใคร ? คำถามนี้มี ๒ คำตอบ คำตอบแรกคือ ธรรมมุทเทศก็คือลักษณะของการยกหัวข้อธรรมขึ้นมา ซึ่งมีเนื้อหาใจความว่า
๑.โลกคือหมู่สัตว์อันชรานำไปไม่ยั่งยืน
๒.โลกคือหมู่สัตว์ ไม่มีผู้ป้องกัน ไม่เป็นใหญ่เฉพาะตน
๓.โลกคือหมู่สัตว์ไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง จำต้องละในสิ่งทั้งปวง
๔.โลกคือหมู่สัตว์พร่องอยู่เป็นนิตย์ ไม่รู้จักอิ่ม เป็นทาสแห่งตัณหา
พระรัฐบาลเถระแสดงแก่พระเจ้าโกรัพยะ ไปเปิดตำราดูได้เลยไม่ผิดสักคำ เหตุที่จำได้ก็เพราะว่าทวนอยู่บ่อย ๆ แต่ขณะเดียวกันลูกศิษย์เขาเพิ่งเรียน อาจารย์ท่านอื่น ๆ พอสอบผ่านแล้ววางเลยไม่ได้ไปดูอีก หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านย้ำนักย้ำหนา ท่านบอก “เรื่องพระไตรปิฎกให้ขยันเปิดอ่านไว้ ข้าเองพยายามอ่านให้ได้ปีละจบ” มีใครใฝ่รู้ขนาดหลวงพ่อวัดท่าซุงบ้าง ? ท่านเรียนจนจบแล้วท่านยังทวนอยู่ตลอด ส่วนอาตมาเอง ๔-๕ ปีได้สักจบก็ดีตายชักแล้ว พออ่านไปถึงส่วนสุดท้ายก็...หลับ
พระสูตร พระวินัย สนุก สามารถอ่านได้ตลอดต่อเนื่อง พอไปถึงพระอภิธรรมนี่อ่าน ๆ ไปแล้วง่วง มีแต่กระดูกล้วน ๆ ขบไม่เข้าเลย กว่าจะจบได้แต่ละที จบแบบไม่รู้เรื่องอีกต่างหากนะ เพราะว่าเรื่องของพระอภิธรรมพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนมนุษย์ทั่วไป แต่ไปสอนพรหม สอนเทวดาที่เป็นอุคฆฏิตัญญู ฟังแค่หัวข้อก็เข้าใจแล้ว
กุสะลา ธัมมา อะกุสะลา ธัมมา อัพยากะตา ธัมมาฯ เป็นอย่างไร ? กุสะลา ธัมมา ธรรมที่เป็นกุศล ก็คือทำแล้วดีด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ก็คือส่วนที่เรียกว่า กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2017 เมื่อ 13:39
|