
20-09-2009, 12:08
|
สมาชิกยืนยันตัวตนแล้ว
|
|
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 168
ได้ให้อนุโมทนา: 27,852
ได้รับอนุโมทนา 47,577 ครั้ง ใน 1,464 โพสต์
|
|
เศรษฐีขับไล่เทวดา
ขณะนั้น เทวดาตนหนึ่งผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิ ซึ่งสิงสถิตย์อยู่ที่ซุ้มประตูบ้านของท่านอนาถปิณฑิกเศรษฐี ไม่เลื่อมใสพุทธศาสนา เบื่อระอาที่พระภิกษุสงฆ์เดินลอดซุ้มประตูเข้าออกทุกวัน เพราะในขณะที่ภิกษุสงฆ์เดินลอดซุ้มประตูนั้น ตนไม่สามารถจะอยู่บนซุ้มประตูได้ เมื่อเห็นเศรษฐีกลับกลายมีฐานะยากจนลงเพราะทำบุญแก่พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา จึงปรากฏกายต่อหน้าท่านเศรษฐี แล้วกล่าวห้ามปรามให้เศรษฐีเลิกทำบุญเสียเถิด แล้วทรัพย์สินเงินทองก็จะเพิ่มพูนขึ้นเหมือนเดิม ท่านเศรษฐีจึงถามว่า :-
"ท่านเป็นใคร ?"
"ข้าพเจ้าเป็นเทวดา ผู้สิงสถิตย์อยู่ที่ซุ้มประตูเรือนของท่าน"
"ดูก่อนเทวดาอันธพาล เราไม่ต้องการเห็น ไม่ต้องการฟังคำพูดของท่าน ขอท่านจงออกไปจากซุ้มประตูเรือนของเรา อย่ามาให้ข้าพเจ้าเห็นอีกเป็นอันขาด"
เทวดาตกใจ ไม่สามารถจะอยู่ที่ซุ้มประตูเรือนของเศรษฐีได้อีกต่อไป จึงกลายเป็นเทวดาไร้ที่สถิตย์ ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เข้าไปหาเทวดาผู้มีศักดิ์สูงกว่าตนให้ช่วยเหลือ แต่ไม่มีเทวดาองค์ใดจะสามารถช่วยได้ สุดท้ายได้เข้าไปเฝ้าท้าวสักกเทวราช ท้าวสักกเทวราชออกอุบายให้ว่า
"ทรัพย์เก่าของเศรษฐีจำนวน ๘๐ โกฏิ ซึ่งใส่ภาชนะฝังไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำถูกน้ำเซาะตลิ่งพังหายไปในสายน้ำ ท่านจงไปนำทรัพย์เหล่านั้นกลับคืนมามอบให้ท่านเศรษฐี แล้วท่านเศรษฐีก็จะหายโกรธยกโทษให้ และอนุญาตให้อยู่อาศัยที่ซุ้มประตูบ้านดังเดิมได้"
เทวดาทำตามนั้น ได้นำทรัพย์เหล่านั้นมามอบให้เศรษฐีด้วยอำนาจฤทธิ์เทวดา พร้อมกล่าวขอขมาโทษต่ออนาถปิณฑิกเศรษฐี ท่านเศรษฐียังไม่รับ กลับพาไปขอขมาโทษต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อเทวดากล่าวขอขมาโทษต่อพระรัตนตรัยแล้ว ได้รับฟังพระสัทธรรมเทศนาก็ได้เข้าถึงความเป็นพระโสดาบัน เมื่อนั้นเทวดาองค์นั้นจึงได้อยู่ ณ สถานที่เดิมของตนสืบไป
|