
01-05-2017, 02:51
|
 |
ผู้ตรวจการณ์เว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
|
|
วันที่สมัคร: Jun 2009
ข้อความ: 5,062
ได้ให้อนุโมทนา: 284,214
ได้รับอนุโมทนา 854,777 ครั้ง ใน 13,218 โพสต์
|
|
อดน้ำมาครึ่งวันแล้วครับ..!
ถ่ายรูปให้พระครูกล้ากับป้ายภาษาไทย แล้วหันไปสนใจกับทิวทัศน์ข้างนอก มีนกสีดำตัดกับหิมะขาวโพลน ดูแล้วไม่น่าจะเป็นพวกเหยี่ยวหรืออินทรี เพราะว่าบินฉวัดเฉวียนเร็วเกินกว่านกนักล่าพวกนั้น บินโฉบวูบวาบไปมาอยู่ตัวหนึ่งหรือสองตัว ไม่กี่นาทีต่อมากระเช้าก็เข้าเทียบท่าด้านบน เมื่อออกมาแล้วก็ต้องไหลตามกันไป เพื่อขึ้นลิฟท์ไปบนยอดเขาอีกที ดูแล้วยุ่งยากพิกล “ถ้าให้เดินไปตามทางเปิด แม้ว่าจะสะดวกกว่าเมื่อมีคนมามาก ๆ แต่จะมีปัญหาใหญ่ในช่วงหน้าหนาวที่หิมะทับถมกัน เพราะต้องทำการขุดทางเดินกันทั้งฤดู เขาจึงทำเป็นลิฟท์ปิดไปเลยครับ” เจ้าถิ่นล่องหนช่วยคลายความสงสัย...
ออกจากลิฟท์มากระทบอากาศร้อนวาบจนสะดุ้ง กลิ่นอาหารตลบอบอวลจนหายใจได้ยาก ตรงนี้เป็นร้านอาหารสร้างจากไม้สน มีหน้าต่างกระจกโดยรอบให้เห็นยอดเขาหิมะด้านนอก ทั้งที่แสงแดดจัดจ้าแต่โคมไฟเพดานที่เลียนแบบเชิงเทียนโบราณก็ยังเปิดอยู่ บริกรที่ทราบว่าเรามาจากคณะทัวร์ที่จองเอาไว้ พาพวกเราเลี้ยวขวาลงไปที่ชั้นลด ซึ่งมีโต๊ะอาหารเต็มไปหมด ทั้งแบบโต๊ะ ๔ ที่นั่งและ ๖ ที่นั่ง ชี้ให้นั่งในส่วนที่กันไว้ให้กับคณะของเรา ปกติแล้วอาตมามักจะเลือกที่นั่งริมหน้าต่าง แต่ทางเดินแคบ ๆ ที่ต้องตามกันไปทำให้ไปถึงช้า ที่ริมหน้าต่างโดนพรรคพวกจองไปหมดแล้ว...
อาตมาเดินเข้าไปชิดผนังด้านในของโต๊ะหกที่นั่ง หลวงพ่อเจ้าคุณสมุทรฯ และพระครูวิสุทธฯ ตามมานั่งฝั่งเดียวกัน ฝั่งลาว เอ๊ย..ฝั่งตรงข้ามคือมหานพพล หลวงพ่อพระครูสันติฯ และใบฎีกาวรัญญู พอเห็นบริกรเอาน้ำชาร้อนในเหยือกสเตนเลสมาส่งให้ อาตมาก็แทบจะโดดคว้าด้วยความดีใจ ตั้งแต่ลงจากรถมาจนบัดนี้ นาฬิกาบนผนังบอกเวลา ๑๑.๒๙ น.แล้ว ยังไม่มีน้ำผ่านลงคอสักหยดเดียว จึงรีบรินน้ำแจกทุกคนเป็นการด่วน...
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 18-09-2017 เมื่อ 10:05
|