พระอาจารย์กล่าวว่า  "บรรพบุรุษของเราตั้งกรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวง เพราะว่าฟ้าฝนบริบูรณ์ แม้กระทั่งสนามหลวงสมัยก่อนก็คือนาของพระเจ้าแผ่นดิน พระเจ้าแผ่นดินก็ต้องทำนาเหมือนกัน สมัยนี้เปลี่ยนจากการทำนาทำสวนมาเป็นปลูกตึก  แต่ฝนฟ้ายังบริบูรณ์เหมือนเดิม น้ำก็เลยท่วม  คนสมัยใหม่ไม่ค่อยได้ดูทิศดูทาง  ต่อไปถ้าใครจะอยู่ในกรุงเทพฯ ให้เตรียมแพเตรียมเรือไว้เลย   
 
สมัยอาตมายังเป็นวัยรุ่น อายุ ๑๐ กว่าขวบ บ้านยายที่สามแยกไฟฉาย ยาวตลอดไปถึงบ้านน้าที่ตลาดพลู  มีแต่ท้องร่องเรือกสวนไร่นา  ส่วนใหญ่เป็นสวนหมาก  สวนพลู  สวนทุเรียน สวนมังคุด  บางแห่งก็มีสวนลิ้นจี่  พอมาพัฒนาบ้านเมืองเจริญขึ้น  สวนก็หายหมด  เด็กบ้านนอกอย่างอาตมาที่หากินกับท้องร่องสวนก็เลยหากินไม่ได้   
 
ปกติเวลาไปบ้านยาย  อาตมามีอาชีพถือปืนไล่ยิงลูกฟักข้าว  เพราะฟักข้าวขึ้นอยู่ตามต้นไม้ในสวน  เวลาสุกก็สีเหลืองส้มบ้าง สีแดงบ้าง เป็นเป้าสะดุดตา เอาไว้ซ้อมมือ  ถ้าวันไหนขี้เกียจก็เปิดหน้าต่างออกไป แล้วก็ยิงเอา  ปรากฏว่าเป็นทหาร ๑ ปี กลับไปเยี่ยมยาย  ถือปืนเปิดหน้าต่างออกไปกลายเป็นตึกแถว ...(หัวเราะ)...."
		 
		
		
		
		
		
		
			
				__________________ 
				........................ 
 
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง 
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
			 
		
		
		
		
		
			
				  
				
					
						แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-04-2017 เมื่อ 21:36
					
					
				
			
		
		
		
	
	 |