พระอาจารย์กล่าวว่า  "โบราณท่านว่า ห่วงลูกผูกคอ ห่วงสามีภรรยาผูกมือ ห่วงทรัพย์สมบัติผูกเท้า มาจากบาลีที่ว่า ปุตตัง คีเว  ธนัง ปาเท  ภริยัง  หัตเถ อาตมาเองจะบอกว่า อาตมามีลูกหมามากกว่าลูกคน เห็นโยมถวายของมา พอเปิดดูเห็นขนมที่หมาชอบกินก็เลยนึกถึงหมา  
 
ถ้าตายตอนนั้นจะเป็นหมาไหมหนอ ? จะว่ากันจริง ๆ แล้ว กำลังใจเกาะอยู่ในส่วนของทานบารมีกับจาคานุสติ ไม่น่าจะต้องไปเป็นหมานะ แต่ก็ไม่ดีตรงที่ว่าความคิดเร็วมากเลย เผลอหน่อยเดียวก็คิดถึง  เออ...ขนมอย่างนี้หมาชอบกิน 
   
ปัจจุบันนี้เข้าตลาดไปทีหนึ่งก็ซื้อพวกเครื่องในไก่ปิ้ง ไม่ว่าจะเป็นตับ เป็นกึ๋น เป็นหัวใจ ฯลฯ ซื้อชนิดเหมาหมดร้าน เห็นหมาแย่งกันกินก็มีความสุข รู้สึกสบายใจไปด้วย  สัตว์เดรัจฉานมีความทุกข์ที่ต่างจากคนอยู่อย่างหนึ่งก็คือ หากินไม่ได้อย่างใจ คนเราเวลาอยากกินอะไรก็เลือกซื้อได้ หมาอยากกินแต่เลือกไม่ได้  เลยกลายเป็นความทุกข์อย่างหนึ่งของสัตว์เดรัจฉานที่ต่างไปจากคน ถ้าเป็นไปได้ถึงเวลาก็ช่วยสงเคราะห์ให้เขาหน่อย  
 
ไปซื้อข้าวของแต่ละทีก็ไม่กล้าบอก ได้แต่ว่าเอาอย่างนี้  เอาอย่างนั้น จนกระทั่งมีอยู่วันหนึ่งหลุดปากออกไป เพราะว่าไปซื้อที่ตลาดนัดตอน ๔ โมงเย็นแล้ว คนขายก็เอาเครื่องในไก่ให้เรียบร้อย ก็ถามว่า “ข้าวเหนียวด้วยไหมครับ ?” อาตมาบอกว่าไม่เอา  เขาก็จัดแจงหยิบน้ำจิ้มมา ๗-๘ ถุง จึงหลุดปากไปว่า “หมาไม่กินน้ำจิ้ม” ไม่ได้ว่าอะไรหรอก เป็นห่วงกำลังใจของโยมว่า บางคนเขาอด ๆ อยาก ๆ ทำงานแทบตายกว่าจะมีเงินมาซื้อข้าวปลาอาหารกิน แต่พระวัดนี้ดันไปซื้อไก่มาเลี้ยงหมา..!"
		 
		
		
		
		
		
		
			
				__________________ 
				........................ 
 
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง 
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
			 
		
		
		
		
		
			
				  
				
					
						แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-04-2017 เมื่อ 21:04
					
					
				
			
		
		
		
	
	 |