แต่คราวนี้เราต้องไม่ลืมว่าในเรื่องของศีลพระนั้นมีส่วนที่เป็นโลกวัชชะ คือผิดแล้วโลกติเตียน ในเมื่อผิดแล้วโลกติเตียน  บ้านเราถือว่าเวลาวิกาลคือหลังเที่ยงไปแล้ว  เราก็ต้องถือตามแบบบ้านเรา ส่วนของเขาถือว่าวิกาลคือพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ของเขาไม่ติเตียนกัน  แถมโยมยังตั้งใจถวายอีกด้วย 
 
    ปัจจุบันนี้เรื่องศีลพระหาคนที่ศึกษาลึกซึ้งมีน้อยมาก ในเมื่อมีน้อยมาก ไม่สามารถที่จะบอกกล่าวกับพระรุ่นหลัง ๆ ต่อไปได้   โดยเฉพาะบุคคลที่เป็นครูบาอาจารย์ ก็มีการเข้าใจผิด ประพฤติผิด ทำผิดเป็นปกติ แล้วก็อีกประเภทหนึ่งก็คือ  พระอุปัชฌาย์อาจารย์บวชให้แล้วไม่สั่งสอน บวชแล้วทิ้งไปเลย ลักษณะที่เขาเรียกว่าพระอุปัชฌาย์เป็ด ไข่แล้วทิ้ง ปล่อยให้ฟักเป็นตัวเอาเอง ก็เลยมีการทำผิดทำพลาดให้ญาติโยมเขาตำหนิได้มาตลอด 
 
    แบบเดียวกับการที่ผมนั่งรับเงินที่ญาติโยมถวายนี่แหละ ถ้าหากว่าเป็นอีกนิกายหนึ่งเขาก็จะมาตำหนิว่าเราทำผิด แต่คราวนี้ผมไปดูการกระทำของท่านคือท่านรับเป็นเช็ค รับเป็นตั๋วแลกเงินซึ่งก็ไม่ได้อยู่แล้ว เพราะในสิกขาบทที่ ๙ ในนิสสัคคิยปาจิตตีย์ท่านใช้คำว่า “รูปิยสํโวหรํ” ก็คือสิ่งที่ใช้แทนเงินทอง ในเมื่ออะไรที่ใช้แทนเงินได้ก็ถือว่าผิดเหมือนกัน จะรับเองหรือจะให้คนอื่นรับก็โทษเท่ากัน 
 
 ฉะนั้น...ครูบาอาจารย์ผมท่านถึงบอกว่า “รับไปเถอะ แล้วสร้างประโยชน์ให้เขาให้มากที่สุด อย่าไปคิดว่าเป็นของเรา”
		 
		
		
		
		
		
		
			
				__________________ 
				........................ 
 
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง 
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
			 
		
		
		
		
		
			
				  
				
					
						แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-03-2017 เมื่อ 20:56
					
					
				
			
		
		
		
	
	 |