ที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านใช้คำว่า เห็นก็สักแต่ว่าเห็น ได้ยินก็สักแต่ว่าได้ยิน ได้กลิ่นก็สักแต่ว่าได้กลิ่น ได้รสก็สักแต่ว่าได้รส สัมผัสก็สักแต่ว่าได้สัมผัส ให้อยู่แค่นั้น อย่าไปคิดต่อ ตัวคิดต่อภาษาพระเขาเรียกว่าสังขาร คือการปรุงแต่ง คิดเมื่อไรก็ทุกข์เมื่อนั้น
พอเริ่มคิดก็จะเป็นไปใน ๒ อารมณ์ คือ อิฏฐารมณ์ ชอบใจ อนิฏฐารมณ์ ไม่ชอบใจ ซึ่งพาให้ทุกข์ทั้งคู่ ชอบใจต้องตะเกียกตะกายไปหามา ลำบากไหม ? เวลาไม่ชอบใจก็ต้องขวนขวายหนีให้ห่าง ลำบากทั้งคู่ ทุกข์ทั้งคู่
ดังนั้น..ท่านถึงว่า รู้สักแต่ว่าให้รู้ พอเราหยุดลงได้ทัน กิเลสเข้าไปในใจของเราไม่ได้ เราก็ปลอดภัย เมื่อเราปลอดภัย จิตใจของเราผ่องใสสะอาด กิเลสกินเราไม่ได้ ถ้าจิตสะอาดถึงที่สุดจะไปไหน ? ก็ไปพระนิพพาน ฟังดูแล้วไม่น่ายาก..ใช่ไหม ? เอาไหม..? เดี๋ยวน้องป๊อบจะกลายเป็นลิงแก่ ๆ ขนหลุดหูแหว่งตัวนั้น เสร็จแล้วเราก็ไปหานางฟ้าแทน
พระพุทธเจ้าไม่ได้โกหก เพราะถ้าหากท่านทำได้แค่ขั้นแรก ๆ เท่านั้น กำลังใจทรงตัวนี่ได้แน่ ๆ อย่างน้อยนางฟ้า ๕๐๐ เป็นบริวารอยู่แล้ว ไม่ได้โกหก ให้จริง ๆ ให้เยอะด้วย แต่บังเอิญว่าท่านเก่ง ท่านทำเลยขึ้นไป กลายเป็นพระอรหันต์ไป เลยไม่ได้สักคน ...(หัวเราะ)...
สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๔
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-11-2013 เมื่อ 17:36
|