ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 11-09-2009, 09:29
โอรส's Avatar
โอรส โอรส is offline
นายทะเบียน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 897
ได้ให้อนุโมทนา: 37,412
ได้รับอนุโมทนา 206,750 ครั้ง ใน 3,181 โพสต์
โอรส is on a distinguished road
Default พระนันทะเถระบวชเพราะอยากได้นางฟ้าเป็นชายา


ถาม : .........................
ตอบ : หลวงพ่อท่านย้ำอยู่เสมอว่า จรณะ ๑๕ ถ้าใครทำจะเข้าถึงมรรคผลได้เร็ว แค่อินทรียสังวรตัวเดียวนี่ พระนันทะเถระเป็นเอตทัคคะคือผู้เลิศกว่าภิกษุอื่น พระนันทะเถระท่านเป็นน้องชายพระพุทธเจ้า น้องคนละแม่

พระนันทะเถระกำลังจะแต่งงานพระพุทธเจ้าเสด็จไปบิณฑบาต สมัยก่อนนั้นพอบิณฑบาตท่านจะส่งบาตรให้ พอรับบาตรไปใส่อาหารเสร็จก็จะเอามาประเคนคืน แต่พระพุทธเจ้าท่านไม่รับหรอก ท่านกลับหลังหันได้ก็เดินไปเลย พระนันทะเถระก็ถือบาตรตามไปเรื่อย ตามไปจนกระทั่งถึงเชตวันมหาวิหาร

พระพุทธเจ้าถาม "นันทะ..เธอจะบวชไหม ?"
เกรงใจพระพุทธเจ้าก็... "บวชพระเจ้าข้า.."

๗ วันที่บวชอยู่ไม่ได้มีความสุขเลย โอ้..คนกำลังจะเข้าเรือนหอ ถูกลากไปบวช ...(หัวเราะ)... เป็นเราก็กลุ้ม..ใช่ไหม ? คราวนี้พระพุทธเจ้าท่านรู้อยู่ จึงตรัสเรียกพระนันทะไปด้วยกัน ไปก็ชี้ให้ดูลิงตัวเมียแก่ ๆ ตัวหนึ่ง หางก็ด้วน หูก็แหว่ง ขนก็หลุด นั่งอยู่บนตอไม้ที่ไฟไหม้

ตรัสว่า... "นันทะ..ภรรยาในอนาคตของเธอ งามกว่าลิงแก่ตัวนี้หรือว่าลิงแก่ตัวนี้งามกว่า ?"
พระนันทะเถระบอกว่า "นางชนบทกัลยาณี งามกว่าจนเปรียบไม่ถูกพระเจ้าข้า"

พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ดี..เดี๋ยวจะพาไปดูอะไรบางอย่าง" จับมือพระนันทะได้ก็พรึบขึ้นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ไปเลย ไปถึงเทวดานางฟ้าก็มากันเพียบ พระพุทธเจ้าก็ชี้ให้พระนันทะดู ตรัสว่า

"เธอเห็นเหล่านางสวรรค์เหล่านี้ เมื่อเปรียบกับชนบทกัลยาณีแล้วเป็นอย่างไร ?"
พระนันทะบอกว่า "นางชนบทกัลยาณีเมื่อเปรียบเทียบกับนางฟ้าเหล่านี้ ก็เหมือนลิงแก่หางด้วนขนหลุดตัวนั้นพระเจ้าข้า"

พระพุทธเจ้าตรัสถามว่า "ถ้าหากว่าเธออยู่ปฏิบัติต่อไป แล้วตถาคตรับปากว่า จะให้นางฟ้าเหล่านี้แก่เธอ ๆ จะรับไหม ? "
พระนันทะก็ตกลง

พระพุทธเจ้าท่านจึงสอนกรรมฐานให้ กลายเป็นพระอรหันต์ไป ตกลงพระนันทะบวชเพราะอยากได้เมียเป็นนางฟ้า

พอท่านบรรลุมรรคผลแล้ว ท่านก็รู้ว่า ที่แล้ว ๆ มาท่านเห็นโทษของการไม่สำรวมอินทรีย์ คำว่าอินทรีย์ คือการเป็นใหญ่ คือตาเป็นใหญ่ในการเห็น หูเป็นใหญ่ในการได้ยิน จมูกเป็นใหญ่ในการได้กลิ่น ลิ้นเป็นใหญ่ในการได้รส กายเป็นใหญ่ในการสัมผัส แล้วก็ใจเป็นใหญ่ในการรับอารมณ์ทั้งมวล

การไม่สำรวมอินทรีย์ทำให้สิ่งต่าง ๆ เข้ามาทางตา กระทบตา ชอบใจ ถูกใจ ..เสร็จแล้ว.. โดนกิเลสตีบ้านตีเมืองยึดไปเรียบร้อยแล้ว กระทบหูได้ยินแล้วชอบใจหรือไม่ชอบใจ ก็เสร็จแล้ว โดนยึดบ้านยึดเมืองไปเรียบร้อย ดังนั้น..พอท่านเห็นโทษในตรงจุดนี้ ก่อนหน้านี้ท่านเป็นเจ้าชาย เรื่องรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสต่าง ๆ ที่กระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ท่านได้รับเป็นปกติ

เมื่อเป็นพระอรหันต์ ท่านก็เลยระมัดระวังเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ จนกระทั่งพระพุทธเจ้าตั้งไว้เป็นเอตทัคคะ คือเป็นเลิศกว่าผู้อื่นในทางสำรวมอินทรีย์ รู้จักระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-11-2013 เมื่อ 17:34 เหตุผล: แก้คำผิด นางชลบทกัลยาณี -นางชนบทกัลยาณี
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 87 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ โอรส ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา