ชื่อกระทู้: ทำวัตรเช้า วันพุธ
ดูแบบคำตอบเดียว
  #7  
เก่า 21-02-2017, 20:59
มัคคนายก's Avatar
มัคคนายก มัคคนายก is offline
ผู้นำทาง - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 1,643
ได้ให้อนุโมทนา: 1,798
ได้รับอนุโมทนา 75,415 ครั้ง ใน 2,329 โพสต์
มัคคนายก has disabled reputation
Default

สังเวคะปริกิตตะนะปาฐะ
บทสวดที่แสดงถึงความน่าสลดใจ

อิธะ ตะถาคะโต โลเก อุปปันโน อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ
พระตถาคตเจ้าเกิดขึ้นแล้วในโลกนี้ เป็นผู้ไกลจากกิเลส เป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง

ธัมโม จะ เทสิโต นิยยานิโก อุปะสะมิโก ปะรินิพพานิโก สัมโพธะคามี สุคะตัปปะเวทิโต
พระธรรมที่พระตถาคตเจ้าทรงแสดงแล้ว เป็นธรรมที่ช่วยนำหมู่สัตว์ออกจากทุกข์
เป็นธรรมที่ทำความสงบระงับกิเลส เป็นธรรมที่เป็นไปเพื่อความดับไม่มีเชื้อคือพระนิพพาน เป็นทางปฏิบัติให้ถึงความรู้พร้อม เป็นธรรมที่พระสุคตเจ้าทรงประกาศยืนยันแล้ว


มะยันตัง ธัมมัง สุต๎วา เอวัง ชานามะ
พวกเราได้ฟังธรรมนั้นแล้ว จึงได้รู้อย่างนี้ว่า
ชาติปิ ทุกขา
แม้ความเกิดก็เป็นทุกข์
ชะราปิ ทุกขา
แม้ความแก่ก็เป็นทุกข์
มะระณัมปิ ทุกขัง
แม้ความตายก็เป็นทุกข์
โสกะปะริเทวะทุกขะโทมะนัสสุปายาสาปิ ทุกขา
แม้ความเศร้าโศก ความพิไรรำพัน ความไม่สบายกายไม่สบายใจ ความเสียใจและความคับแค้นใจ ก็เป็นทุกข์
อัปปิเยหิ สัมปะโยโค ทุกโข
ความประสบพบกับสิ่งที่ไม่ชอบใจ ก็เป็นทุกข์
ปิเยหิ วิปปะโยโค ทุกโข
ความพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่ชอบใจ ก็เป็นทุกข์
ยัมปิจฉัง นะ ละภะติ ตัมปิ ทุกขัง
แม้คิดปรารถนาอยากได้สิ่งใด ไม่ได้สิ่งนั้นสมปรารถนา ก็เป็นทุกข์
สังขิตเตนะ ปัญจุปาทานักขันธา ทุกขา เสยยะถีทัง
ว่าโดยย่อแล้ว การเอาจิตเข้าไปยึดเกาะอยู่กับขันธ์ ๕ ก็เป็นทุกข์ นั่นก็คือ
รูปูปาทานักขันโธ
การเอาจิตยึดเกาะในรูป ก็เป็นทุกข์
เวทะนูปาทานักขันโธ
การเอาจิตยึดเกาะในเวทนา ก็เป็นทุกข์
สัญญูปาทานักขันโธ
การเอาจิตยึดเกาะในสัญญา ก็เป็นทุกข์
สังขารูปาทานักขันโธ
การเอาจิตยึดเกาะในสังขาร ก็เป็นทุกข์
วิญญาณูปาทานักขันโธ
การเอาจิตยึดเกาะในวิญญาณ ก็เป็นทุกข์
เยสัง ปะริญญายะ ธะระมาโน โส ภะคะวา เอวัง พะหุลัง สาวะเก วิเนติ
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ ได้ทรงแนะนำสาวกทั้งหลาย เพื่อให้กำหนดรู้ความทุกข์อันเกิดจากการยึดเกาะในขันธ์ ๕ อย่างนี้เป็นส่วนมาก

เอวัง ภาคา จะ ปะนัสสะ ภะคะวะโต สาวะเกสุ อะนุสาสะนี พะหุลา ปะวัตตะติ
ก็แล คำพร่ำสอนเป็นอันมากของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ย่อมทำให้สาวกทั้งหลายประทับใจ เพราะการชี้แนะอย่างนี้ว่า
รูปัง อะนิจจัง
รูปหาความเที่ยงแท้แน่นอนอะไรไม่ได้
เวทะนา อะนิจจา
เวทนาหาความเที่ยงแท้แน่นอนอะไรไม่ได้
สัญญา อะนิจจา
สัญญาหาความเที่ยงแท้แน่นอนอะไรไม่ได้
สังขารา อะนิจจา
สังขารหาความเที่ยงแท้แน่นอนอะไรไม่ได้
วิญญาณัง อะนิจจัง
วิญญาณหาความเที่ยงแท้แน่นอนอะไรไม่ได้
รูปัง อะนัตตา
รูปไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่ช้าก็ต้องสลายไป
เวทะนา อะนัตตา
เวทนาไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่ช้าก็ต้องสลายไป
สัญญา อะนัตตา
สัญญาไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่ช้าก็ต้องสลายไป
สังขารา อะนัตตา
สังขารไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่ช้าก็ต้องสลายไป
วิญญาณัง อะนัตตา
วิญญาณไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่ช้าก็ต้องสลายไป
สัพเพ สังขารา อะนิจจา
สังขารทั้งหลายทั้งปวงหาความเที่ยงแท้แน่นอนอะไรไม่ได้
สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ
ธรรมทั้งหลายทั้งปวงไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา บังคับบัญชาไม่ได้ ต้องสลายไปในที่สุด ดังนี้

เต (ผู้หญิงว่า ตา) มะยัง โอติณณามะหะ ชาติยา ชะรามะระเณนะ
โสเกหิ ปะริเทเวหิ ทุกเขหิ โทมะนัสเสหิ อุปายาเสหิ

เราทั้งหลายเป็นผู้ถูกครอบงำแล้วโดยความเกิด ความแก่ และความตาย โดยความเศร้าโศก ความพิไรรำพัน ความไม่สบายกายไม่สบายใจ ความเสียใจ
และความคับแค้นใจทั้งหลาย


ทุกโขติณณา ทุกขะปะเรตา
เราทั้งหลายชื่อว่าเป็นผู้มีทุกข์ครอบงำแล้ว มีความทุกข์นำหน้าแล้ว

อัปเปวะนามิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะกิริยา ปัญญาเยถาติ*
ไฉนหนอ การกระทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ จักปรากฏแก่เราได้

(สำหรับพระภิกษุ - สามเณร)
จิระปะรินิพพุตัมปิ ตัง ภะคะวันตัง อุททิสสะ อะระหันตัง สัมมาสัมพุทธัง
เราทั้งหลายตั้งใจจำเพาะเจาะจง เฉพาะพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น แม้ปรินิพพานไปนานแล้ว
สัทธา อะคารัส๎มา อะนะคาริยัง ปัพพะชิตา
เราทั้งหลายมีศรัทธาออกจากเรือนแล้วบวช เป็นผู้ไม่มีเรือนแล้ว
ตัส๎มิง ภะคะวะติ พ๎รัห๎มะจะริยัง จะรามะ
พากันประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
ภิกขูนัง (สามะเณรานัง) สิกขาสาชีวะสะมาปันนา
ถึงพร้อมแล้วด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา และธรรมเป็นเครื่องเลี้ยงชีพของภิกษุทั้งหลาย (และสามเณร) ทั้งหลาย
ตัง โน พ๎รัห๎มะจะริยัง อิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะกิริยายะ สังวัตตะตูติ ฯ
ขอพรหมจรรย์ของเราทั้งหลายนั้น จงเป็นไปเพื่อการกระทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นเถิด ฯ

(* สำหรับอุบาสก - อุบาสิกา เมื่อสวดถึง "ปัญญาเยถาติ" แล้วให้สวดต่อไปดังนี้)

* จิระปะรินิพพุตัมปิ ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คะโต (ผู้หญิงว่า ตา)
เราทั้งหลายขอยึดเอาพระผู้มีพระภาคเจ้าแม้ปรินิพพานไปนานแล้วพระองค์นั้น เป็นที่พึ่ง
ธัมมัญจะ ภิกขุสังฆัญจะ ตัสสะ ภะคะวะโต สาสะนัง
ยะถาสะติ ยะถาพะลัง มะนะสิกะโรมะ อะนุปะฏิปัชชามะ

ขอยึดเอาพระธรรมและพระภิกษุสงฆ์ด้วย เป็นที่พึ่ง และกำหนดนึกถึงรัตนะทั้งสามนั้นไว้ในใจอยู่ และปฏิบัติตามคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ตามสติปัญญาและตามกำลัง
สา สา โน ปะฏิปัตติ
ขอการปฏิบัตินั้น ๆ ของเราทั้งหลาย
อิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะกิริยายะ สังวัตตะตูติ ฯ
จงเป็นไปเพื่อการกระทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้เถิด ฯ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 04-06-2017 เมื่อ 19:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ มัคคนายก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา