“ไปเป็นพระเจ้าจักรพรรดิอีก ๑๐๐ ชาติเถอะวะ” แล้วตกเวียนลงนรกไป “เป็นพรหมดีกว่ายังไม่อยากเข้านิพพาน” ขึ้นไปเป็นเมฆ แล้วก็ลงจากเมฆ “เป็นมนุษย์พระเจ้าแผ่นดินเถอะ” เอา...แล้วลงไปอีก ก็เวียนลงอย่างนั้นแหละ “แล้วกูจะตั้งอย่างไรดีวะนี่?” ก็ผลสุดท้ายชาติสุดท้ายที่จะไปพระนิพพาน มันก็ต้องมาขึ้นทางนี้ หลังจากเบื่อแล้วเข็ดเขี้ยวขี้อ่อนขี้แก่แล้ว มันก็ต้องมาขึ้นตรงนี้ พอขึ้นตรงนี้ปั๊บ! มันก็เป็นทางใหม่เอง ไม่มีทางหลุดออกไปจากนี้ได้ เขาเรียก ‘กระแสพระนิพพาน’
ก็ไหน ๆ อีกล้านชาติก็ต้องเบื่อแล้วต้องขึ้นมา ก็ขึ้นมาเสียวันนี้ไม่ดีหรือ?.. ลองดูสิว่าพระอริยะเขาอยู่กับผัวกับเมียเขาอยู่กันอย่างไร? อยู่กับทรัพย์สมบัติจะทำอย่างไร?
พระโสดาบันกระแสพระนิพพานขั้นต้นนี่...แบ่งเป็น ๓ ขั้น นี่ขั้นแรกนี่ ! ยังอยู่กับสามีภรรยายังมีลูกต่อกันได้อีก แต่ไม่ตกนรกแต่ว่าตายจากชาตินี้ปั๊บ ! เกิดไปเป็นพรหมเทวดาก็ร่วงลงบนทางนี้อีก มีผัวมีเมียฟังธรรมต่อ แต่ต้องเกิดมาเฉพาะเวลาเจอพระพุทธพระธรรม พระสงฆ์นะ เขาถึงจะเกิดนะ...ถ้าไม่อย่างนั้นเป็นเทวดา ถ้าพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์มี ถ้าใจมันบาง..ไม่อยากจะเสพกามแล้ว มันไม่อยากกินข้าวกินน้ำแล้วนะ ก็กูจะลงมากินทำไมอีกตั้ง ๑๐๐ ปีมนุษย์นะ ! ก็เอากายทิพย์ลงมายืน ณ ที่ควร ส่วนข้างหนึ่งฟังธรรมที่ท่านเทศน์ให้มนุษย์ฟังว่า ทุกข์อย่างนี้ ๆ ท่านก็ลงมาฟัง ท่านก็เป็นอรหันต์โดยไม่ต้อง มีหูตาลิ้นจมูก เขาเรียกเทวดาอริยะ พรหมอริยะที่ลงมาฟังธรรม
ในพระสูตรที่บอกว่าเทวดาและพรหมลงมายืน ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งมากมาย.. มนุษย์บรรลุอรหัตผล ๑๗ องค์ อนาคามีผล ๕๐ องค์ สกิทาคามีผล ๑๘ โสดาปัตติผล ๒๐ เข้าสรณาคมน์ ๒๐๐ เทวดาพรหมได้มรรคผลในชั้นต่าง ๆ มากกว่ามนุษย์ ไม่ต้องประมาณ เพราะท่านไม่เอาร่างกายอยู่แล้ว
(มีต่อ)
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ทาริกา : 07-09-2009 เมื่อ 08:53
|