ประวัติและคำสอนของหลวงปู่สิม (หน้า ๖)
เรื่องฌานนี้ หลวงปู่มีเกร็ดฝอยเกี่ยวกับหลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม มาเล่าให้ฟังว่า
หลวงปู่ตื้อท่านเคยเข้าฌานไปดูศพพระมหากัสสปเถระ ซึ่งตามตำนานมีว่ายังคงเก็บรักษาไว้แถบภูเขาหิมาลัย คือ
ก่อนที่จะเข้าสู่นิพพาน พระมหากัสสปเถระท่านได้อธิษฐานให้ภูเขาปิดล้อมศพเอาไว้สามด้าน
รอเวลาพระศรีอาริย์มาตรัสรู้ แล้วจะได้เผาศพของท่านบนฝ่ามือของพระศรีอาริย์ เนื่องจากมีบุพกรรมต่อกัน
เรื่องมีอยู่ว่า ครั้งหนึ่งพระมหากัสสปเถระ ท่านมีชาติกำเนิดเป็นช้างแสนรู้ ของจักรพรรดิคือพระศรีอาริย์นั่นเอง
วันหนึ่งพระจักรพรรดิทรงช้างเสด็จออกประพาสป่า ช้างหนุ่มกัสสปะพอเห็นช้างสาว
ก็วิ่งเข้าหาทันทีตามประสา วิ่งไม่วิ่งเฉย ๆ สะบัดเอาพระจักรพรรดิตกจากหลังไปด้วย
เลยถูกทำโทษให้เอางวงจับเหล็กเผาไฟจนตาย จึงมีเวรกรรมต่อกันตั้งแต่ครั้งกระโน้น
จนเดี๋ยวนี้ศพของพระมหากัสสปเถระก็ยังรอพระศรีอาริย์อยู่
เมื่อหลวงปู่ตื้อเข้าฌานไปดูถึงที่เนปาลโน้นต้องไปถึงสองครั้ง เพราะไปครั้งแรกประตูไม่เปิด
ในห้องหรือภูเขาที่เก็บศพนั้นมีแสงสว่างเรืองรองแต่ไม่ยักกะมีดวงไฟสักดวง
เล่ามาถึงตรงนี้ หลวงปู่ก็กระเซ้าคนฟังว่า
“ใครอยากพิสูจน์ให้เห็นจริงก็ให้เร่งภาวนา เอาให้ได้ให้ถึง
ภาวนาเอง เห็นเอง ฟังคนอื่นเล่ามันก็ไม่สิ้นสงสัย”
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน
ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว...
กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน
อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ
กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายท่าขนุน : 05-09-2009 เมื่อ 23:40
|