อันดับต่อไปก็คือ การปฏิบัติความดีแต่ละครั้งนั้นเราต้องทุ่มเทจริง ๆ
อรรถกถาจารย์ท่านเปรียบเอาไว้ว่า พระพุทธเจ้าแสดงธรรมเหมือนราชสีห์จับเหยื่อ ไม่ว่าเหยื่อนั้นจะตัวเล็กหรือตัวใหญ่ก็ตาม ราชสีห์เวลาจับเหยื่อจะทุ่มเทกำลังเท่ากันทั้งหมด ดังนั้นจึงสามารถจับเหยื่อได้โดยไม่ผิดพลาด เราเองก็ต้องมีการทุ่มเทการปฏิบัติในลักษณะเดียวกัน ต้องมีความมั่นคงในกำลังใจ เรียกง่าย ๆ ว่าต้องมีสัจจะมั่นคง ว่าในแต่ละวันเราต้องให้เวลาในการปฏิบัติ อย่างเช่นตอนเช้าครึ่งชั่วโมง ตอนเย็นครึ่งชั่วโมง อย่างนี้เป็นต้น
กำลังใจที่มั่นคงแน่วแน่ พอถึงเวลาเราต้องปฏิบัติ ละวางงานอื่นมาเพื่อการปฏิบัติเสียก่อน ถ้าเรามีสัจจะแน่วแน่มั่นคงดังนี้ เราก็จะทุ่มเทให้การปฏิบัติอย่างเต็มที่เต็มกำลัง อย่างแลกกันด้วยชีวิต ดังเช่นองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ในวันที่จะตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ พระองค์ทรงตั้งสัจจะอธิษฐานว่า แม้เลือดเนื้อร่างกายนี้จะเหือดแห้งไปก็ตามที แม้ชีวิตอินทรีย์นี้จะดับสิ้นไปก็ตาม ถ้าหากว่ายังไม่บรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเพียงใด จะไม่คลายหรือละเสียจากบัลลังก์นี้ ก็คือจะไม่ทิ้งการนั่งสมาธิตอนนั้น เราต้องมีกำลังใจที่หนักแน่นมั่นคง มีสัจจะอย่างนี้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 24-12-2009 เมื่อ 12:06
|