"ส่วนใหญ่แล้วพวกเราไปไขว่คว้าเกินหลักธรรม สมัยก่อนอาตมาใช้คำว่า "เอื้อมมือไปเกินหัว" เนื่องจากว่าการก้าวเข้าไปหาความเป็นพระอริยเจ้าตรง ๆ นั้น ไม่จำเป็นต้องมีฤทธิ์มีเดชอะไรแม้แต่อย่างเดียว และอาตมาก็ยืนยันว่า คำว่าอภิญญานั้น มาจากคำว่า อภิ ที่แปลว่า ยิ่งกว่า และ อัญญา ที่แปลว่าความรู้ ดังนั้น...ความรู้ในความคิดของอาตมานั้น ความรู้ในการตัดกิเลสนั่นแหละเป็นสุดยอดของอภิญญาแล้ว
ญาติโยมจะเห็นว่าครูบาอาจารย์ส่วนหนึ่ง หลังจากฝึกฤทธิ์ฝึกอภิญญาได้ ก็อยู่ในลักษณะที่หายคัน หมดสนุก เลยวัยที่จะไปเล่นแล้ว ก็ทิ้งกันจนหมด ถ้าไม่ใช่เรื่องฉุกเฉินจำเป็นจริง ๆ ก็จะไม่ได้แตะต้องเลย เพราะรู้ว่าส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการฝืนกฎของกรรมมากกว่า อาตมาถึงอยากให้ทุกคนรวบรัดเข้าหาอารมณ์พระโสดาบันโดยเร็ว
อย่าทำตัวเป็นคนมีเวลามาก เราจะตายวันตายพรุ่งเมื่อไรก็ไม่รู้ แต่ว่ามาปฏิบัติธรรมเหมือนกับแก้บน คือทำเล่น ๆ ถ้าตายแล้วได้ขึ้นข้างบนก็ถือว่าโชคดีไป แต่ถ้าตายแล้วลงข้างล่างไม่ใช่แค่เสียชาติเกิดเฉย ๆ ยังเสียเวลาเกิดไปอีกนานแสนนาน แล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะหลุดขึ้นมา ได้เมื่อไรด้วย
ดังนั้น...อะไรที่ไขว่คว้าแล้วเลยธรรมะมากเกินไป ก็พยายาม ลด ละ เลิก หันมาจับหลักธรรมที่แท้จริงได้แล้ว อย่าให้ต้องเตือนกันบ่อย ๆ อาตมาเองก็ไม่ได้มีอารมณ์ที่จะไปยุ่งกับอะไรของใครมากนักหรอก ญาติโยมก็จะเห็นว่าบางทีรำคาญมาก อาตมาก็จะนั่งอ่านหนังสือเฉยไปเลยนั่นแหละ"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2016 เมื่อ 14:37
|