| 
				  
 
			
			หลวงพ่อวิรัชท่านก็กล่าวต่ออีกว่า
 อย่างสาวกภูมินี่ไม่ต้องอะไรมาก ท่านให้เรารวบรัด เอากองใดกองหนึ่ง แล้วเราก็ทำกองนั้นให้ชำนาญ  อย่างเวลาเรานึกถึงความตาย  คนที่ป่วยจะทำได้ง่าย  แต่ถ้าคนหนุ่ม ๆ  บางทีให้นึกถึงความตาย  มันก็ยังไม่อยากตาย  มันจะเห็นยากหน่อย    พอเราเริ่มอายุมากขึ้นมันจึงเริ่มเห็นว่าร่างกายเรามีโทษ มันเริ่มหนีเราทุกวัน
 
 ส่วนพุทธภูมินี่ถ้าใครปรารถนาสร้างบารมีจริง ๆ  จะเป็นผู้ที่น่าเคารพกราบไหว้มาก  เมื่อเรารู้ปฏิปทาของพุทธภูมิแล้ว  เพราะพุทธภูมิเกิดมาเพื่อช่วยเหลือคนอื่นจริง ๆ  จึงสมกับเป็นศาสดาเอกของโลก  เพราะแต่ละชาติก็ต้องช่วยเขาหมด  แม้กระทั่งต้องยอมสละชีวิต  เหมือนที่พระพุทธเจ้าท่านสละร่างกายให้เสือกิน
 
 อย่างสาวกนี่  เราเอาแค่ตัดตัวเราก่อน เหมือนจะเห็นแก่ตัว แต่ก็ไม่เชิง  ในขณะเดียวกันต้องมีเมตตาด้วย ถ้าไม่มีเมตตาจะเป็นพระอริยเจ้าไม่ได้  เพราะคนที่จะเป็นพระอริยเจ้าได้ก็ต้องมีความพิเศษกว่าปุถุชน  มีความเมตตาที่เป็นความเย็น  ความชุ่มฉ่ำ  อย่างเข้าไปหาพระอรหันต์ หลวงปู่หลวงตา  แค่เห็นท่านยิ้มนิดหนึ่งหรือพูดอะไรไม่กี่ประโยคเราก็ชื่นใจแล้ว   บางองค์ท่านป่วยหนัก  แค่ท่านพลิกตัวมาให้เราเห็นหน้าหน่อย เราก็ชื่นใจแล้ว  ไม่ต้องพูดอะไรเลย   เพราะฉะนั้นความงามของท่านไม่ได้อยู่ที่สังขารเลย
 
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 03-09-2009 เมื่อ 19:53
 |