พระอาจารย์เล่าว่า "อาตมาไปงานออกนิโรธกรรมของครูบาวิฑูรย์ ก็มีบรรดาพระสายเหนือหลายรูปมา มีอยู่ท่านหนึ่งนั่งฉันอยู่โต๊ะเดียวกัน ท่านบอกว่า “อาจารย์เล็กสบายแล้ว ดังแล้ว” อาตมามาฟังแล้วก็เกิดความคิดขึ้นมาว่า ตกลงนี่คุณบวชมาเพื่อดังหรืออย่างไร ? แล้วแสดงว่าไม่รู้ใช่ไหมว่าที่หลวงปู่จันทร์ (พระพุทธพจน์วราภรณ์) วัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่ ท่านบอกเอาไว้ว่า “ถ้าอยากดังก็อย่าไปหวังความสงบ”
คุณรู้หรือเปล่าว่าผมทำอะไรมาบ้าง ? ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ชีวิตฆราวาสอายุ ๑๖ ปี มาจนถึง ๒๗ ปี ก็ปฏิบัติธรรมมาในลักษณะอย่างนี้ ทุ่มเทอย่างนี้ สร้างบุญสร้างกุศลมาตลอดในลักษณะนี้ คนเขาเห็นอยู่ตลอด พอบวชเข้ามาคนที่เขาติดตามมาโดยตลอด เขาก็พร้อมที่จะสนับสนุน แล้วในชีวิตพระอีก ๓๐ กว่าพรรษาก็ทำแบบนี้มา โดยรวมระยะเวลาแล้ว ๔๐ กว่าปี คุณคิดว่าเป็นระยะเวลาสั้น ๆ หรือ ?
เรื่องของการปฏิบัติธรรมเป็นการค่อย ๆ สะสมคุณความดีไป เหมือนกับเราปลูกต้นไม้ ถ้าหากว่าถึงวาระ ถึงเวลา ดอกผลก็ย่อมเกิดขึ้นเอง แต่ถ้าไม่ถึงวาระ ไม่ถึงเวลา คุณพยายามให้ตาย ตีโฆษณาขนาดไหน ดอกผลนั้นก็ไม่เกิดขึ้นหรอก เพราะฉะนั้น...ในเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ จำเป็นอยู่ตรงที่ว่า ถ้าคุณต้องการจะดัง ก็ต้องสร้างความดีให้พอ ถึงเวลาแล้วคนเขาเห็นความดีคุณก็ดังเอง แต่ถ้าคุณไม่ได้สร้างความดีไว้ ถึงเวลาตะเกียกตะกายไปตีโฆษณาขนาดไหน ก็หลอกได้แค่คนโง่ ๆ ไม่กี่คน...!
เรื่องพวกนี้บางทีไปพบไปเห็นเข้าอาตมาก็รู้สึกสะดุดใจ ตรงที่สะดุดใจก็คือท่านมาดูตรงผลที่รับแล้ว ไม่ได้ดูว่าตอนที่สร้างเหตุนั้นเหนื่อยยากขนาดไหน แล้วก็ไม่ได้สร้างมาแค่ชาติเดียวอีกด้วย"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-10-2016 เมื่อ 16:23
|