พระอาจารย์กล่าวว่า "การย้ายไปรับสังฆทานและสอนกรรมฐานที่บ้านใหม่ จะมีทั้งคนที่สะดวกขึ้นและคนที่ลำบากขึ้น ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ แต่ถึงญาติโยมจะลำบากแค่ไหน อาตมาเชื่อว่าทั้งพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลรวมกัน อย่างไรก็ไกลไม่ถึง ๑๔๐ กิโลเมตร ลองนึกถึงอาตมาลงจากทองผาภูมิมาถึงเมืองกาญจน์ฯ ก็ ๑๔๐ กิโลเมตรแล้ว เพราะฉะนั้น...ถึงญาติโยมลำบากอย่างไรก็คงจะไม่เกินไปกว่าอาตมาหรอก ทน ๆ ไปหน่อยเดี๋ยวก็ชินไปเอง ใหม่ ๆ ก็เป็นอย่างนี้กันทุกคน
อีกอย่างหนึ่ง การย้ายบ้านใหม่เป็นการวัดกำลังใจของพวกเราได้อย่างชัดเจนที่สุด ส่วนหนึ่งพอได้ยินว่าย้ายบ้านใหม่ก็โวยวายไว้ก่อน เหมือนอย่างกับว่ารักอาตมาเสียเต็มประดา แต่ความจริงรักตัวเองชัด ๆ...!
เราลองมานึกดูว่า แค่ย้ายบ้านใหม่เท่านั้น เราเกิดปฏิกิริยากันขนาดนี้ ถ้าอาตมาล้มหายตายจากไปจะเกิดปฏิกิริยาขนาดไหน ? ก็แปลว่าเรายังไม่สามารถเป็นที่พึ่งของตัวเองได้ ยังไม่ได้ยึด พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งอย่างแท้จริง หากแต่เรายังยึดตัวบุคคลซึ่งสามารถล้มหายตายจากลงไปได้ทุกเวลา ก็แปลว่ายึดผิด ให้เปลี่ยนกำลังใจเสียใหม่ ไม่อย่างนั้นแล้วความก้าวหน้าในการปฏิบัติจะไม่มี
ให้ยึดคุณพระรัตนตรัย ไม่ใช่ยึดตัวบุคคล ถ้าเราปฏิบัติไปจนกระทั่งมีความมั่นคงในพระรัตนตรัยแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับเราจะเหมือน ๆ กันหมด ไม่มีอะไรยาก ไม่มีอะไรลำบาก สิ่งที่เราทำก็เพราะเราเคารพในพระรัตนตรัย เรารักษาศีลเพราะเราเคารพในพระรัตนตรัย เราปฏิบัติสมาธิเพราะเราเคารพในพระรัตนตรัย เรารู้ตัวว่าว่าเราตายเมื่อไร เราจะไปพระนิพพานเพราะว่าเราเคารพในพระรัตนตรัย ไม่ใช่เคารพเลื่อมใสเฉพาะในตัวบุคคล
การย้ายบ้านอาจจะมีส่วนช่วยพวกเราได้บ้าง ถ้ามีปัญญาเพียงพอ แต่ถ้าปัญญาไม่พอ มัวแต่ไปคร่ำครวญอยู่ก็ตัวใครตัวมัน อาตมาไม่ค่อยรอใครหรอก..!"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-10-2016 เมื่อ 02:00
|