| 
				  
 
			
			"อาตมาจึงต้องเดินจากพระโขนงย้อนกลับมาที่บ้านสายลม  ซึ่งชั้นล่างท่วมแล้ว ต้องขึ้นไปนอนบนห้องฝึกมโนมยิทธิชั้นสอง  หมายถึงบ้านหลังเก่านะ  พวกเราถ้าไม่เคยเจอบ้านหลังเก่า  ไปเจอตึกใหม่อย่างเดียวจะนึกไม่ออกว่าน้ำท่วมอย่างไร
 ช่วงที่เดินจากประดิพัทธ์มาสะพานควาย  เป็นช่วงตึกแถวยาว ๆ อาตมากำลังเลาะข้างตึกอยู่ รถ GMC ทหารก็วิ่งพรวดพราดมา คลื่นสูงท่วมหัวเลย  ไม่รู้ว่าจะหลบไปทางไหน พิงติดผนังตึกให้คลื่นโถมตูมเดียวมิดหัว..!  เปียกโชกไปทั้งตัวเลย   เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมมาก
 
 ตลอดช่วง ๘ เดือนนั้น จะไปไหนมาไหนถ้าไม่อาศัยเรือก็ต้องอาศัยรถ GMC ของทหาร  มีอยู่วันหนึ่งจะไปธุระแถวหน้ารามคำแหง  เขาก็บอกว่าน้ำลึกมากอย่าไปเลย  อาตมาก็คิดว่า ลึกแค่ไหนก็ไปได้  เดินไม่ได้ก็ว่ายน้ำไป  พอลงจากรถเมล์น้ำแค่เข่าเอง ใครบอกว่าลึกมากวะ  ? ก็เดินตรงไปเรื่อย ๆ ได้ประมาณ ๕๐ เมตร  ตูมเดียวมิดหัวเลย...!
 
 ตอนที่ลงจากรถเมล์อาตมาไปยืนอยู่บนคันกระสอบทรายโดยไม่รู้ตัว  ก็เลยคิดว่าน้ำลึกแค่เข่า  ตอนเดินก็เดินตรงแนวกระสอบทรายไปเรื่อย จึงคิดว่าน้ำตื้นแค่นี้เอง  พอพ้นแนวกระสอบทราย ตูมเดียวมิดหัวเลย  ฉะนั้น...น้ำท่วมปี ๒๕๕๔ ที่ผ่านมาถือว่าเล็กน้อยเท่านั้น
 
 ความจริงปี ๒๕๕๔ น้ำไม่ควรที่จะท่วมเลย แต่ระบบการจัดการของเราผิด   ถ้าปล่อยให้น้ำท่วมกรุงเทพฯ สักตูมเดียว เฉลี่ยไปทั่วกันก็สูงสักศอกเดียวเท่านั้น แล้วก็จะไหลลงทะเลไปเอง ทีนี้เราไปกั้นทางทำให้น้ำลงทะเลไม่ได้   มีแต่คลองเล็กที่ระบายออก น้ำก็อั้นอยู่นาน  จากที่ท่วมน้อยก็กลายเป็นท่วมมาก  จากท่วมมากจึงกลายเป็นท่วมนาน"
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-10-2016 เมื่อ 03:27
 |