พระเจ้ากุสราชทรงชำระล้างองค์และทรงฉลองพระองค์เสียใหม่ และให้พระเจ้ามัททราชเสด็จดูพระองค์ออกศึกอยู่บนพระราชวัง
พระเจ้ากุสราชทรงยกทัพออกจากพระนคร ทรงเปล่งพระสุรเสียงประกาศดังก้องไปทั้งชมพูทวีปว่า
“เราคือพระเจ้ากุสราช ใครรักชีวิต ก็จงยอมอ่อนน้อมกับเราเสียเถิด”
กษัตริย์ ๗ นคร ได้ยินเสียงประกาศของพระเจ้ากุสราช ก็ตกใจกลัว กองทัพแตกกระจายเหมือนฝูงเนื้อแตกหนีราชสีห์
พระเจ้ากุสราชจึงทรงยึดได้แก้วมณี และจับตัวกษัตริย์ ๗ นครมาถวายพระเจ้ามัททราชให้ทรงลงโทษ แต่พระเจ้ามัททราชบอกว่ากษัตริย์ทั้ง ๗ นี้ ไม่ได้เป็นศัตรูของพระองค์ แต่เป็นศัตรูของพระเจ้ากุสราชโดยตรง จึงขอให้พระเจ้ากุสราชตัดสินพระทัยเอง
พระเจ้ากุสราชจึงกราบทูลขอพระราชธิดาอีก ๗ องค์ของพระเจ้ามัททราชให้แก่กษัตริย์เหล่านั้น ซึ่งพระเจ้ามัททราชก็ตกลงพระราชทานให้
แล้วพระเจ้ากุสราชก็พาพระนางประภาวดีเสด็จกลับกุสาวดี โดยประทับนั่งไปบนราชรถเดียวกัน
และด้วยอานุภาพของแก้วมณี พระรูปโฉมของพระเจ้ากุสราชก็หายอัปลักษณ์ แต่กลับงดงามสมด้วยพระรูปโฉมของพระนางประภาวดีผู้เป็นพระชายา
ประชุมชาดก
ชยัมบดีอนุชา มาเกิดเป็น พระอานนท์
นางค่อม มาเกิดเป็น นางขุชชุตตราอุบาสิกา
พระนางประภาวดี มาเกิดเป็น พระนางพิมพา
พระเจ้ากุสราช มาเกิดเป็น พระพุทธเจ้า
จาก...กุสชาดก
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
|