ดูแบบคำตอบเดียว
  #112  
เก่า 19-07-2016, 22:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,657
ได้ให้อนุโมทนา: 151,978
ได้รับอนุโมทนา 4,416,246 ครั้ง ใน 34,247 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ตอนที่อยู่วัดท่าซุงนั่นแค่หลวงพ่อท่านอนุญาตให้สวด ถือว่าเป็นการภายใน แต่พอมาอยู่กาญจนบุรีได้รับตราตั้งตามระเบียบของคณะสงฆ์ จากนั้นก็สวดมาเรื่อย ต้องบอกว่าเป็นได้แค่พระอาจารย์ เพราะว่าคู่สวดคืออาจารย์ของพระใหม่ เป็นทั้งพี่เลี้ยงด้วย เป็นทั้งพระอาจารย์ด้วย พอมาเป็นพระอุปัชฌาย์ คราวนี้ใครเรียกหลวงพ่อก็รับได้เต็มที่แล้ว

โดยเฉพาะพระอุปัชฌาย์ของหนกลางเขาบังคับว่าต้อง ๒๐ พรรษาขึ้นไป ของหนอื่นก่อนหน้านี้ก็ ๑๐ พรรษาบ้าง ๑๕ พรรษาบ้าง ถ้าอยู่ในที่กันดารอย่างพวกด่านช้าง แม่ฮ่องสอน ก็อาจจะผ่อนผันให้ ๑๒ พรรษาก็ได้ แต่ของหนกลาง (๒๓ จังหวัดภาคกลางและตะวันออก) ต้อง ๒๐ พรรษาถึงจะให้เป็นพระอุปัชฌาย์

มีคนถามหลวงพ่อสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม ตอนนั้นท่านเป็นเจ้าคณะใหญ่หนกลาง ว่าทำไมถึงต้องพรรษามากขนาดนั้น ? ท่านบอกว่า ถ้าหากเป็นพระที่บวชตั้งแต่อายุครบ ๒๐ ปี ถ้าแค่ ๑๐ พรรษานี่ยังเหลาะแหละเต็มที มีโอกาสที่จะสึกได้ ถ้าหากว่าลูกศิษย์ลูกหาอยู่ไปจนเป็นใหญ่เป็นโตในวงการสงฆ์ แต่พระอุปัชฌาย์สึกไปก็จะรู้สึกไม่ดี อีกอย่างหนึ่ง ถ้าหากอายุพรรษาห่างกัน ๒๐ ปี ก็พอที่จะเป็นพ่อลูกกันได้อย่างแน่นอน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2016 เมื่อ 03:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา