เมื่อพระนางประภาวดีเสด็จจากไปแล้ว พระเจ้ากุสราชก็ทรงเศร้าโศกเสียพระทัย เฝ้าแต่รำพึงคิดถึงพระชายา พระองค์ไม่ได้สนพระทัยพระสนมนางอื่นแม้แต่เพียงนางเดียว พระราชนิเวศน์ของพระองค์จึงเงียบสงัดวังเวงคล้ายไม่มีใครอยู่
พระเจ้ากุสราชทรงรำพึงว่า บัดนี้ พระนางประภาวดีคงไปถึงเมืองสาคละแล้วจึงเสด็จไปเฝ้าพระมารดา กราบทูลว่า พระองค์จะไปตามพระนางประภาวดีที่รักคืนมา กราบทูลแล้ว พระเจ้ากุสราชก็ทรงเหน็บพระแสงอาวุธ ๕ อย่าง กหาปณะพันหนึ่ง พร้อมทั้งภาชนะพระกระยาหาร และทรงถือพิณเสด็จออกจากพระนคร ด้วยพละกำลังของพระองค์ เพียง ๒ วันก็เสด็จถึงเมืองสาคละ
พระเจ้ากุสราชได้ถือพิณไปบรรเลงที่โรงช้างทรง พระนางประภาวดีได้ยินเสียงพิณก็รู้ว่าพระเจ้ากุสราชเสด็จมาตาม แต่พระนางก็ไม่ยอมพบหน้า พระเจ้ากุสราชคิดว่าวิธีนี้คงไม่ได้ผล พระองค์จึงเอาพิณไปเก็บ
วันรุ่งขึ้น พระเจ้ากุสราชได้ไปยังบ้านนายช่างหม้อ ขอฝากตัวเป็นศิษย์ และเพียงวันเดียวเท่านั้น ก็ทรงขนเอาดินมาจนเต็มเรือน และทรงปั้นภาชนะเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง หลายชนิดหลากสี สำหรับส่วนที่ปั้นให้พระนางประภาวดีโดยเฉพาะนั้น ได้ทรงกระทำให้มีลวดลายเป็นรูปต่าง ๆ ที่ทำให้พระนางประภาวดีมองเห็นได้แต่เพียงองค์เดียวเท่านั้น
เมื่อเผาภาชนะนั้นแล้ว นายช่างหม้อก็นำไปยังราชตระกูล พระเจ้ามัททราชทอดพระเนตรเห็นจึงตรัสถามว่าใครทำ นายช่างหม้อกราบทูลว่า ศิษย์ของข้าพระองค์ทำ พระราชาจึงตรัสว่า ผู้นั้นไม่สมควรเป็นศิษย์ของเจ้า ผู้นั้นจงเป็นอาจารย์ และเจ้าจงศึกษาศิลปะในสำนักของเขาเถิด แล้วพระเจ้ามัททราชก็ให้ช่างหม้อนำภาชนะเล็ก ๆ ไปถวายพระธิดา เมื่อพระนางประภาวดีทรงรับภาชนะที่พระเจ้ากุสราชทำขึ้นโดยเฉพาะ พระนางก็เห็นรูปพระเจ้ากุสราชบนภาชนะ จึงได้ขว้างภาชนะนั้นทิ้งลงบนพื้น
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
|