"ที่อาตมาตั้งใจทำพิพิธภัณฑ์ส่วนหนึ่งเป็นเครื่องรางของขลัง ก็เพราะว่าเครื่องรางของขลังเป็นที่นิยมมาตั้งแต่โบราณ เหตุที่เป็นที่นิยมมาตั้งแต่โบราณเพราะคนโบราณถือว่าพระต้องอยู่วัด ถึงสร้างเป็นพระเครื่องขึ้นมา พอออกศึกสงครามเสร็จก็นิมนต์พระกลับไปคืนวัด ที่จะติดตัวอยู่ได้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเครื่องรางของขลังนี่แหละ จะเป็นตะกรุด เป็นลูกอม เป็นพิสมร เป็นมีดหมออะไรก็ตาม จนกลายเป็นของที่อยู่กับบ้าน เอาไว้คุ้มครองป้องกันตัวเองและครอบครัว
แต่ละอย่างก็จะมีเคล็ดในการสร้าง มีอุปเท่ห์ในการใช้ต่าง ๆ กันไป ถ้าคนเข้าไม่ถึงก็ขลังไม่พอ หรือขลังไม่เต็มที่ ถ้าหากว่าใครเข้าถึงก็ขลังกว่าปกติ โดยเฉพาะว่าถ้าเป็นสายหลวงปู่ปาน หลวงพ่อวัดท่าซุง การสร้างเครื่องรางของขลังยากกว่าสร้างพระ เพราะสายเรานิมนต์พระได้ แต่ว่าเรื่องของเครื่องรางของขลังเท่าที่เจอ ๆ มา ๒-๓ ครั้ง อย่างการเสกลูกแก้วนี่นั่งรอกันอานเลย เพราะท่านบอกว่าต้องเสกแก้วให้เป็นพระ ถ้าหากรูปพระอย่างไรก็เป็นพระอยู่แล้ว ก็เบาแรงไปครึ่งหนึ่ง
โบราณส่วนใหญ่แล้วเวลาสร้างวัตถุมงคลมักจะไม่ทับรอยครูบาอาจารย์ แม้กระทั่งหลวงพ่อวัดท่าซุง ขอให้ท่านสร้างพระขี่สัตว์พาหนะท่านยังบอกว่าไม่ทำ เพราะว่าจะเป็นวัดรอยหลวงปู่ปาน ความจริงก็คือถ้าหากว่าทำเหมือน ๆ กัน พอนาน ๆ ไปของเก่าใกล้เคียงกัน คนรุ่นหลังจะแยกแยะไม่ออก"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-05-2016 เมื่อ 15:59
|